ค้นหาพบ 15 รายการ
เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน อากาศจะเริ่มเย็นลงและมีความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ และกลุ่มโรคระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากเชื้อโรคสามารถแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น และอาจมีการปนเปื้อนเชื้อในอาหารและน้ำดื่มได้ นอกจากนี้ ช่วงหน้าฝน อาจเกิดการท่วมขังของน้ำฝน ทำให้อาจมีการแพร่ระบาดของสัตว์และแมลง ดังนั้นควรระมัดระวังสัตว์และแมลงกัด ต่อย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบวม คันบริเวณที่ถูกกัดต่อยได้ หรือรายที่มีอาการรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา เนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ในบทความนี้จะนำเสนอยาสามัญประจำบ้านที่ควรมีติดบ้านไว้ในช่วงหน้าฝน เพื่อบรรเทาอาการที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าวข้างต้น จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย1. ยาสำหรับกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ใช้ยารักษาตามอาการ เช่น1.1 ยาลดไข้ บรรเทาปวด เช่น พาราเซตามอล พาราเซตามอลเป็นยาที่มีฤทธิ์ลดไข้ บรรเทาปวดที่มีความปลอดภัย แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (เม็ดละ 500 มิลลิกรัม) และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 5 วันเพราะอาจนำไปสู่การเกิดพิษต่อตับ โดยก่อนรับประทานควรอ่านฉลากอย่างละเอียด ผู้ที่เป็นโรคตับ ไต ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา 1.2 ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก บรรเทาอาการน้ำมูกไหล และ จาม จากไข้หวัดและจากการแพ้อากาศ ยากลุ่มนี้บางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้ง่วง จึงไม่เหมาะที่จะใช้ในช่วงเวลาที่ต้องทำงาน และไม่ควรขับยานพาหนะขณะได้รับยานี้เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ 2. ยาสำหรับกลุ่มโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในอาหาร2.1 ผงเกลือแร่ (ORS)ใช้ทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่จากอาการท้องเสีย หรือ อาเจียน รับประทานโดยผสมผงเกลือแร่กับน้ำสะอาดตามคำแนะนำข้างซอง โดยค่อย ๆ จิบน้ำเกลือแร่ ไม่ดื่มจนหมดในคราวเดียว เพราะอาจทำให้ลำไส้แปรปรวนและท้องเสียมากขึ้น ทั้งนี้ผงเกลือแร่ที่ผสมน้ำแล้วควรใช้ภายใน 24 ชั่วโมง เก็บรักษาในภาชนะที่ปิดสนิท เพื่อลดโอกาสในการปนเปื้อน2.2 ยาถ่านคาร์บอน ใช้ดูดซับสารพิษเพื่อบรรเทาอาการท้องเสีย แต่ยาตัวนี้ไม่ได้มีผลฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย และไม่สามารถใช้เป็นยาหยุดถ่าย ในการรับประทานยาถ่านคาร์บอนต้องเว้นระยะห่าง 2 ชั่วโมงจากการรับประทานยาชนิดอื่น เนื่องจากยานี้อาจไปดูดซับ และส่งผลรบกวนการออกฤทธิ์ของยาอื่นได้3. ยาสำหรับเมื่อโดนแมลงสัตว์กัดต่อย3.1 คาลาไมน์โลชันบรรเทาอาการคันจากผื่นคัน ผื่นแพ้จากแมลงกัดต่อย เป็นรูปแบบยาน้ำแขวนตะกอน ดังนั้นก่อนใช้เขย่าให้ตัวยาเข้ากันดีก่อน โดยใช้ทาภายนอกเท่านั้น ห้ามรับประทาน และควรหลีกเลี่ยงการใช้ใกล้ดวงตา หรือเยื่อเมือกอื่น ๆ3.2 ยาหม่องบรรเทาอาการปวดบวมจากแมลงกัดต่อย ใช้ทาภายนอกเท่านั้น ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด และควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม 3.3 ยาแก้แพ้บรรเทาอาการคันจากแมลงกัดต่อยยากลุ่มนี้บางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้ง่วง จึงไม่เหมาะที่จะใช้ในช่วงเวลาที่ต้องทำงาน และไม่ควรขับยานพาหนะขณะได้รับยานี้เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ 3.4 ยาแก้ปวดพาราเซตามอลเป็นยาที่มีฤทธิ์ลดไข้ บรรเทาปวดที่มีความปลอดภัย แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (เม็ดละ 500 มิลลิกรัม) และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 5 วันเพราะอาจนำไปสู่การเกิดพิษต่อตับ โดยก่อนรับประทานควรอ่านฉลากอย่างละเอียด ผู้ที่เป็นโรคตับ ไต ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา ทั้งนี้ ก่อนใช้ยาทุกครั้งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และควรใช้ยาตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยหากอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงทีข้อมูลอ้างอิงยาที่ควรมีในฤดูฝนเช็กตู้ยาสามัญประจำบ้าน เตรียมรับมือโรคหน้าฝนยาถ่านคาร์บอนกินอย่างไรให้ถูกวิธี อย. ห่วงคนไทยใช้ยาพาราเซตามอลพร่ำเพรื่อ แนะวิธีใช้ยาอย่างถูกต้อง
เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน อากาศจะเริ่มเย็นลงและมีความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ และกลุ่มโรคระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากเชื้อโรคสามารถแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น และอาจมีการปนเปื้อนเชื้อในอาหารและน้ำดื่มได้ นอกจากนี้ ช่วงหน้าฝน อาจเกิดการท่วมขังของน้ำฝน ทำให้อาจมีการแพร่ระบาดของสัตว์และแมลง ดังนั้นควรระมัดระวังสัตว์และแมลงกัด ต่อย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบวม คันบริเวณที่ถูกกัดต่อยได้ หรือรายที่มีอาการรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา เนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ในบทความนี้จะนำเสนอยาสามัญประจำบ้านที่ควรมีติดบ้านไว้ในช่วงหน้าฝน เพื่อบรรเทาอาการที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าวข้างต้น จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย1. ยาสำหรับกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ใช้ยารักษาตามอาการ เช่น1.1 ยาลดไข้ บรรเทาปวด เช่น พาราเซตามอล พาราเซตามอลเป็นยาที่มีฤทธิ์ลดไข้ บรรเทาปวดที่มีความปลอดภัย แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (เม็ดละ 500 มิลลิกรัม) และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 5 วันเพราะอาจนำไปสู่การเกิดพิษต่อตับ โดยก่อนรับประทานควรอ่านฉลากอย่างละเอียด ผู้ที่เป็นโรคตับ ไต ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา 1.2 ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก บรรเทาอาการน้ำมูกไหล และ จาม จากไข้หวัดและจากการแพ้อากาศ ยากลุ่มนี้บางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้ง่วง จึงไม่เหมาะที่จะใช้ในช่วงเวลาที่ต้องทำงาน และไม่ควรขับยานพาหนะขณะได้รับยานี้เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ 2. ยาสำหรับกลุ่มโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในอาหาร2.1 ผงเกลือแร่ (ORS)ใช้ทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่จากอาการท้องเสีย หรือ อาเจียน รับประทานโดยผสมผงเกลือแร่กับน้ำสะอาดตามคำแนะนำข้างซอง โดยค่อย ๆ จิบน้ำเกลือแร่ ไม่ดื่มจนหมดในคราวเดียว เพราะอาจทำให้ลำไส้แปรปรวนและท้องเสียมากขึ้น ทั้งนี้ผงเกลือแร่ที่ผสมน้ำแล้วควรใช้ภายใน 24 ชั่วโมง เก็บรักษาในภาชนะที่ปิดสนิท เพื่อลดโอกาสในการปนเปื้อน2.2 ยาถ่านคาร์บอน ใช้ดูดซับสารพิษเพื่อบรรเทาอาการท้องเสีย แต่ยาตัวนี้ไม่ได้มีผลฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย และไม่สามารถใช้เป็นยาหยุดถ่าย ในการรับประทานยาถ่านคาร์บอนต้องเว้นระยะห่าง 2 ชั่วโมงจากการรับประทานยาชนิดอื่น เนื่องจากยานี้อาจไปดูดซับ และส่งผลรบกวนการออกฤทธิ์ของยาอื่นได้3. ยาสำหรับเมื่อโดนแมลงสัตว์กัดต่อย3.1 คาลาไมน์โลชันบรรเทาอาการคันจากผื่นคัน ผื่นแพ้จากแมลงกัดต่อย เป็นรูปแบบยาน้ำแขวนตะกอน ดังนั้นก่อนใช้เขย่าให้ตัวยาเข้ากันดีก่อน โดยใช้ทาภายนอกเท่านั้น ห้ามรับประทาน และควรหลีกเลี่ยงการใช้ใกล้ดวงตา หรือเยื่อเมือกอื่น ๆ3.2 ยาหม่องบรรเทาอาการปวดบวมจากแมลงกัดต่อย ใช้ทาภายนอกเท่านั้น ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด และควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม 3.3 ยาแก้แพ้บรรเทาอาการคันจากแมลงกัดต่อยยากลุ่มนี้บางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้ง่วง จึงไม่เหมาะที่จะใช้ในช่วงเวลาที่ต้องทำงาน และไม่ควรขับยานพาหนะขณะได้รับยานี้เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ 3.4 ยาแก้ปวดพาราเซตามอลเป็นยาที่มีฤทธิ์ลดไข้ บรรเทาปวดที่มีความปลอดภัย แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (เม็ดละ 500 มิลลิกรัม) และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 5 วันเพราะอาจนำไปสู่การเกิดพิษต่อตับ โดยก่อนรับประทานควรอ่านฉลากอย่างละเอียด ผู้ที่เป็นโรคตับ ไต ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทั้งนี้ ก่อนใช้ยาทุกครั้งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และควรใช้ยาตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยหากอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงทีข้อมูลอ้างอิงhttps://oryor.com/media/checkSureShare/media_specify/710?ref=search https://www.thaihealth.or.th/%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2/ https://www.si.mahidol.ac.th/th/division/faci.envi/knowledge_detail.asp?id=8 https://oryor.com/media/infoGraphic/media_printing/1893 https://oryor.com/%E0%B8%AD%E0%B8%A2/detail/media_news/308
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก. ปคบ. โดยการ สั่งการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., ว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติ กรณีทลายเครือข่ายผู้ผลิต และจำหน่าย ผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม ตรวจค้น 4 จุด ตรวจยึดของกลาง 112 รายการ รวมกว่า 90,000 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 4,000,000 บาท พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากปัจจุบันกระแสการรักสุขภาพส่งผลให้ความนิยมผลิตภัณฑ์สมุนไพรสูงขึ้นในประชาชนทั่วไป และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะในกลุ่มชาวจีน โดยผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่จำหน่ายในท้องตลาดมีความหลากหลายและสามารถหาซื้อได้ง่าย จนอาจเป็นช่องว่างให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายนำผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานกระจายสู่ตลาด เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค จึงมีการเฝ้าระวังกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวเรื่อยมา ต่อมาได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคผ่าน เพจเฟสบุ๊ค “ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค” ว่าได้ซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาทิเช่น ยาหม่องผสมเสลดพังพอน ตราสมุนไพรไทยสยาม ,ยาหม่องสมุนไพรไทยสยาม ตราเสือสยาม 5 เศียร และยานวดผ่อนคลาย คร๊อกโคไดล์ เฮิร์บ บาล์ม ตราสมุนไพรไทยสยาม จากพื้นที่เขตห้วยขวาง และพบว่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์คนละแบบแต่มีเลขทะเบียนยาเดียวกัน จึงสงสัยว่าเป็นผลิตภัณฑ์ปลอม หากใช้แล้วเกรงว่าจะได้รับอันตรายต่อร่างกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวพบว่า มีการแอบอ้างนำเลขทะเบียนตำรับยาของผลิตภัณฑ์อื่นมาใช้ ซึ่งถือว่าเป็นการปลอมผลิตภัณฑ์ จึงได้สืบสวนจนทราบถึงแหล่งผลิต โกดังเก็บสินค้า และแหล่งจัดจำหน่าย จนนำมาสู่การตรวจค้นในครั้งนี้ ต่อมาในวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้น สถานที่ผลิต โกดังเก็บสินค้า และสถานที่จำหน่าย ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จ.ปทุมธานี จำนวน 4 จุด ดังนี้1. สถานที่จำหน่ายย่าน ซอยเกษมสุข ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ15 เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ขณะตรวจค้น พบนายจิงฉาย (สงวนนามสกุล) สัญชาติจีน เป็นผู้นำตรวจค้น ตรวจยึดผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอื่นที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 และเอกสารที่เกี่ยวข้องในการสั่งซื้อและจัดจำหน่าย จำนวน 36 รายการ รวมกว่า 4,579 ชิ้น 2. สถานที่จำหน่ายย่าน ซ.ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 6 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พบ นางเบน (สงวนนามสกุล) สัญชาติจีน เป็นผู้นำตรวจค้น ตรวจยึดผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอื่นที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 และเอกสารที่เกี่ยวข้องในการสั่งซื้อและจัดจำหน่าย จำนวน 26 รายการ รวมกว่า 12,807 ชิ้น 3. สถานที่ผลิต และโกดังเก็บสินค้า ภายในโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 3 ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบ น.ส.พิมพ์พิชชา (สงวนนามสกุล) เป็นผู้นำตรวจค้น ตรวจยึดผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอื่นที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562, เอกสารที่เกี่ยวข้องในการสั่งซื้อและจัดจำหน่าย, เครื่องซีลพลาสติก จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องบรรจุ จำนวน 1 เครื่อง, ฉลากผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบในการผลิต เช่น ขี้ผึ้ง สารสกัดต่าง ๆ ที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม รวม 14 รายการ จำนวน 64,900 ชิ้น 4. สถานที่ผลิต ในบ้านพักอาศัยย่าน ถนนบางบอน แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร โดย น.ส.พิมพ์พิชชา (สงวนนามสกุล) เป็นผู้นำตรวจค้น ตรวจยึดผลิตภัณฑ์สมุนไพรซึ่งอยู่ระหว่างการผลิตและบรรจุ รวม 4 รายการ จำนวน 853 ชิ้น และอายัดวัตถุดิบในการผลิต เช่น น้ำมันหอมระเหย และผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ผสมแล้วรอการบรรจุ เครื่องบรรจุและหม้อต้ม รวมถึงอุปกรณ์ส่วนควบที่ใช้ในการผลิต รวม 26 รายการ รวม 8,652 ชิ้น โดยจากการตรวจค้นทั้ง 4 จุด พบผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่เป็นความผิด รวม 27 ยี่ห้อ ดังนี้1. ยาหม่องผสมเสลดพังพอน ตราสมุนไพรไทยสยาม (ปลอม)2. ยาหม่องผสมเสลดพังพอน ตราหาญตำรับ (ปลอม) 3. ยาหม่องผสมเสลดพังพอน ตราสมุนไพรบัวทอง (ปลอม)4. ยาหม่องสมุนไพรไทยสยาม ตราเสือสยาม 5 เศียร (ปลอม) 5. ยาหม่องสมุนไพรไทย ตราเสือสยาม5ดาว (ปลอม) 6. ยาหม่องเสือสยาม ตราสมุนไพรบัวทอง (ปลอม) 7. ยาหม่องเสือสยาม ตราหาญตำรับ (ปลอม) 8. ยาหม่องเสือสยาม PUREสมุนไพรธรรมชาติ (ปลอม)9. ยาหม่องสมุนไพร100ปี แซ่วู (ปลอม) 10. ยาหม่องสมุนไพร รวม5ดาว สูตรร้อน(ปลอม)11. ยานวดผ่อนคลาย คร๊อกโคไดล์เฮิร์บ บาล์ม (ปลอม) 12. ยาหอมชนะลม ตราเรือใบ (ปลอม)13. น้ำมันนวด กฤษณา ทิพย์มาตย์ ไม้หอมไทย 14. น้ำมันนวด สมุนไพรสยาม ตราหนุมานหาว5ดาว (ปลอม)15. น้ำมันนวดผา (ปลอม) 16. น้ำมันนวดสมุนไพร Herb 17. น้ำมันนวดสมุนไพร ตราสมุนไพรไทยสยาม (ปลอม)18. น้ำมันนวดสมุนไพร สมุนไพรธรรมชาติ สกัดจากสมุนไพร 18 ชนิด 19. น้ำมันนวดสมุนไพร ตราสมุนไพรบัวทอง สกัดจากสมุนไพร 18 ชนิด 20. น้ำมันนวดสมุนไพร ตราหาญตำรับ สกัดจากสมุนไพร 18 ชนิด21. หัวน้ำมันสมุนไพรสกัดเย็น22. น้ำมันสมุนไพร ตราสมุนไพรบัวทอง 23. ขี้ผึ้งสมุนไพรรวม ตราเสือ (ปลอม) 24. ยานวดผ่อนคลาย คร๊อกโคไดล์เฮิร์บ บาล์ม (ปลอม)25. ยาสอดกระชับช่องคลอด บริสุทธิ์ (ปลอม)26. THONG TIGER Massage Palm ยานวดผ่อนคลาย (ปลอม)27. ยาหอมชนะลม ตราเรือใบ (ปลอม) รวมตรวจค้น 4 จุด ตรวจยึดผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม 38 รายการ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอื่นที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 จำนวน 42 รายการ เครื่องจักร รวมถึงอุปกรณ์ส่วนควบที่ใช้ในการผลิตสมุนไพรปลอม และพยานหลักฐานอื่น 32 รายการ รวมทั้งสิ้น 112 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 4,000,000 บาท โดยในวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ได้ดำเนินคดีกับ บริษัทสมุนไพรไทยสยาม จำกัด ในฐานะนิติบุคคล และกรรมการ ทั้ง 3 ราย ในฐานะส่วนตัว ได้แก่ 1. นางสาวพิมพ์พิชชา (สงวนนามสกุล), 2. นายจิงฉาย (สงวนนามสกุล) และ 3. นายจือคาง (สงวนนามสกุล) ในความผิดตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 ฐาน “ร่วมกันผลิตและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม, ร่วมกันผลิตและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันผลิตและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ” โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า เครือข่ายการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอมดังกล่าว มีกลุ่มทุนชาวจีนร่วมลงทุน โดยจ้างให้คนไทยเป็นผู้ผลิตเพื่อขายให้นักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งจะใช้เลขทะเบียนตำรับยาของผลิตภัณฑ์อื่น มาใช้กับผลิตภัณฑ์ที่ทำปลอมขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคที่ซื้อหลงเชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของแท้ โดยจะผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรขึ้นให้มีคุณลักษณะตามที่นิยมในท้องตลาด โดยผสมส่วนผสมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน จากนั้นบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์โดยใช้กำลังคน ซึ่งไม่ได้มาตรฐาน และไม่ผ่านการรับรองจาก อย. จากนั้นส่งสินค้าไปยังร้านค้าที่เจ้าของเป็นคนจีน ในพื้นที่เขตห้วยขวาง และแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยจะมีมัคคุเทศก์มารับสินค้าไปหลอกลวงขายให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวจะไม่มีการวางจำหน่ายร้านค้าทั่วไป เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากหน่วยงานราชการ และการตรวจพบจากผู้รับอนุญาตเลขทะเบียนยาที่แท้จริง โดยจะขายส่งราคาชิ้นละ 20-30 บาท และมีการขายทำกำไรต่อในราคา หลักร้อย ถึงหลักพันบาท โดยเริ่มผลิตและจำหน่ายมาแล้วประมาณ 1 ปีการกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 1. ฐาน “ร่วมกันผลิตและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม”ตามมาตรา 58(1) ระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. ฐาน “ร่วมกันผลิตและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. ฐาน “ร่วมกันผลิตและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ” ตามมาตรา 58(4) ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ อย. ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวน ขยายผล จนสามารถตรวจยึด ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ผิดกฎหมายได้จำนวนมากจากการจับกุมพบผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม ลักลอบผลิต ปลอมโดยใช้เลขทะเบียนตำรับอื่นมาแสดงที่ฉลาก การผลิตไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจใช้ไม่ได้ผลในการรักษา อย. และ ปคบ.จะร่วมมือกันขยายผลจับกุมเครือข่ายผู้กระทำผิดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จึงขอย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่า ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร ยา เครื่องสำอาง จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนจำหน่าย โดยสามารถดูเลขทะเบียนหรือเครื่องหมาย อย. ได้ที่ฉลากสินค้า ควรซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน กรณีซื้อออนไลน์ให้ซื้อจาก ร้านค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เรียบร้อยแล้ว สำหรับยาไม่สามารถซื้อขายทางออนไลน์ได้ ต้องซื้อจากร้านยา หรือได้รับการตรวจวินิจฉัยและจ่ายโดยแพทย์จากสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนเท่านั้น ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย.ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ควรใช้ความระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ ในการเลือกซื้อ ยา ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ ควรตรวจสอบเลขทะเบียนตำรับยาก่อนซื้อ และเลือกซื้อจากสถานที่จำหน่ายที่น่าเชื่อถือโดยซื้อจากร้านขายยาหรือผู้ที่ได้รับอนุญาตขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรเท่านั้นเนื่องจากเป็นสิ่งที่ใช้และส่งผลโดยตรงกับร่างกายกระบวนการผลิตต้องได้มาตรฐานตามหลัก อย. และขอเตือนผู้ที่ลักลอบผลิต และขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่องหากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุดทั้งนี้ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา
รอยฟกช้ำ มีสาเหตุมาจาก ร่างกายได้รับแรงกระแทก เช่น ถูกชน ถูกตี ทำให้หลอดเลือดแตก และขยายตัวทำให้มีเลือดมาเลี้ยงยังบริเวณที่ถูกกระแทก เกิดเลือดคั่งใต้ผิวหนังปรากฏเป็นรอยฟกช้ำ คำถามที่ว่าเมื่อเกิดรอยฟกช้ำใช้ยาหม่องทาได้ จริงหรือไม่ คำตอบคือ ไม่จริง เพราะยาหม่องทำให้เกิดความร้อนส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวมากขึ้น กระตุ้นให้เลือดมารวมตัวกันมากขึ้น อาการฟกช้ำจึงแย่ลง เมื่อเกิดอาการปวด บวม ฟกช้ำ การปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธีจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้ โดยปฏิบัติตนดังนี้ 48 ชั่วโมงแรก ประคบด้วยน้ำเย็น หรือประคบด้วยน้ำแข็ง 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-30 นาที เมื่อพ้น 48 ชั่วโมงแล้ว ประคบร้อนต่อ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที โดยอาการจะค่อยๆดีขึ้น และหายเองได้ภายใน 2 สัปดาห์ หากเกิดการกระแทกรุนแรง รู้สึกปวดมากจนทนไม่ไหว หรือกระแทกโดนอวัยวะสำคัญ แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที สนับสนุนโดย : กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
อย. ชี้แจงประชาชนทุกคนสามารถใช้ส่วนของกัญชง-กัญชงที่ไม่เป็นยาเสพติดได้ ไม่มีเหลื่อมล้ำ โดยต้องมาจากแหล่งที่ได้รับอนุญาต สามารถนำใบไปประกอบอาหารรับประทานในครัวเรือนหรือจำหน่ายภายในร้านของตนได้ แต่หากทำผลิตภัณฑ์สุขภาพจำหน่ายจะต้องขอเลข อย. ตามกฎหมายของแต่ละผลิตภัณฑ์ เตือน เด็ก สตรีมีครรภ์และ ให้นมบุตร ผู้มีโรคประจำตัวควรระมัดระวังการรับประทานอาหารจากกัญชา เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีข้อสงสัยในการปลดล็อกส่วนของกัญชง กัญชงที่ไม่จัดเป็นยาเสพติดว่า เป็นการเอื้อเฉพาะบางหน่วยงาน เช่น โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า กรณีโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรและมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สามารถประกอบอาหารจากใบกัญชาได้ เพราะทั้งสองแห่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตปลูกกัญชาและได้ขอแก้ไขโครงการเพื่อนำใบกัญชาไปใช้ประโยชน์แล้ว หากผู้ได้รับอนุญาตปลูกกัญชารายอื่นต้องการนำใบหรือส่วนต่าง ๆ ที่ไม่เป็นยาเสพติดไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่ายก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยยื่นขอแก้ไขแผนการนำไปใช้ประโยชน์ที่ อย. และขอยืนยันว่า ประชาชนทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนของกัญชา กัญชงที่ไม่จัดเป็นยาเสพติดได้ แต่ต้องมาจากผู้ได้รับอนุญาตปลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งสถาบันกัญชาทางการแพทย์ได้เปิดช่องทางจับคู่ระหว่างผู้ที่สนใจใช้ประโยชน์จากส่วนของกัญชาที่ไม่เป็นยาเสพติดกับผู้ได้รับอนุญาตปลูกโดย สามารถลงทะเบียนที่ http://bit.ly/2N4NC3R ทั้งนี้ การนำใบกัญชาไปประกอบอาหารเพื่อรับประทานในครัวเรือนหรือจำหน่ายในร้านอาหารของตัวเองสามารถทำได้ แต่หากนำส่วนของกัญชา กัญชง ที่ไม่เป็นยาเสพติดไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อจำหน่าย จะต้องขออนุญาตภายใต้กฎหมายผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นด้วย ขณะนี้สามารถขออนุญาตเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของเมล็ดกัญชงและสารสกัดของเมล็ดกัญชง และผลิตภัณฑ์สมุนไพรใช้ภายนอก เช่น ยาหม่อง ยาน้ำมัน ยาครีม ที่มีส่วนประกอบของใบ ลำต้น กิ่งก้านและรากกัญชา กัญชงได้แล้ว ส่วนการขยายการใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำกฎหมายให้มีผลใช้บังคับต่อไป รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า ทั้งนี้ การนำใบกัญชาไปประกอบอาหารยังมีข้อควรระวัง เนื่องจากการใช้กัญชาในอาหารเป็นสิ่งใหม่ ผู้บริโภคบางคนอาจยังไม่คุ้นเคย ควรเริ่มต้นรับประทานแต่น้อย นอกจากนี้ ผู้บริโภคบางกลุ่ม เช่น เด็ก สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรระมัดระวังในการรับประทาน โดย อย. และ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรจะจัดทำชุดความรู้ในการรับประทานและประกอบอาหารจากกัญชาอย่างปลอดภัยเพื่อเผยแพร่ในเร็ว ๆ นี้
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จัดทำแนวทางการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพรแบบการอ้างอิงตำรับ 100 รายการ ที่ผู้ประกอบการสามารถยื่นเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์พิจารณาอนุญาตภายในวันเดียว เริ่มเปิดระบบตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ เป็นต้นไป นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า “สมุนไพรไทย” เป็นภูมิปัญญาประจำชาติไทยที่ใช้เป็นอาหาร เครื่องหอม และยารักษาโรคมาแต่โบราณ ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกให้ความนิยมในการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อการดูแลสุขภาพไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และยาจากสมุนไพรที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอ้างอิง 100 รายการ ตามแนวทางการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพรแบบการอ้างอิงมีทั้งตำรับยาสมุนไพร ยาสมุนไพรเดี่ยว และผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ ในจำนวนนี้มีตำรับยาหอมซึ่งเป็นยาตำรับโบราณที่บันทึกไว้ในตำราเวชศึกษาของพระยาพิศณุประสาทเวช ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ อยู่ 3 ตำรับ ได้แก่ ยาหอมอินทจักร์ แก้อาการคลื่นเหียนอาเจียน แก้ลมจุกเสียด ยาหอมเทพจิตร แก้อาการวิงเวียน ใจสั่น และยาหอมแก้ลมวิงเวียน แก้อาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ซึ่งทั้ง 3 ตำรับอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติที่สามารถสั่งจ่ายได้ในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐด้วย เลขาธิการฯ กล่าวต่อว่า นอกจากยาหอมทั้ง 3 ตำรับแล้ว ในปีนี้ยูเนสโกประกาศให้ นวดไทยขึ้นบัญชีมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ อย. จึงได้กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมันบรรเทาอาการปวดเมื่อย และยาหม่องจำนวน 21 รายการ อยู่ในรายการผลิตภัณฑ์สมุนไพรอ้างอิง เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ผลิต ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้คู่กับการนวดไทยให้สามารถขอขึ้นทะเบียนภายใน 1 วันด้วยเช่นกัน เลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา นอกจากมีหน้าที่หลักในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพแล้ว ในยุคปัจจุบันยังมีหน้าที่ในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศโดยการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สุขภาพภายในเวลาที่รวดเร็ว สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรือ www.fda.moph.go.th หรือ ไลน์กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร Line ID : @herbalproduct_fda หรือ Facebook : กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร อย.
ก่อนจัดกระเป๋าไปเที่ยว อย่าลืมเป็นห่วงสุขภาพตัวเองกันด้วยนะคะ หากระหว่างเที่ยวเกิดป่วย หรือไม่สบายขึ้นมา การเตรียมยาติดกระเป๋าไว้เบื้องต้น ถือว่าเป็นประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ อาการป่วยพื้นฐานที่ทุก ๆ คนอาจจะเป็นได้ตอนเที่ยว คงหนีไม่พ้น ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ท้องเสีย ผื่นแพ้ เมารถ เมาเรือ วันนี้จึงมาแนะนำยาเบื้องต้นที่ควรจะพกติดกระเป๋าเวลาไปเที่ยวให้ทุกคนได้เซฟกันเอาไว้ เป็นประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ 1.แก้ท้องเสีย การไปท่องเที่ยวต่างถิ่น หรือการรับประทานอาหารท้องถิ่นที่อาจจะไม่เคยกินมาก่อน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ โดยยาเบื้องต้นสำหรับอาการท้องเสียประกอบด้วย ยาถ่าน และผงเกลือแร่สำหรับท้องเสีย 2.แก้แพ้ แก้ปวด แก้ไข้ ยาแก้แพ้ แก้ปวด แก้ไข้นั้น การแค่พกติดกระเป๋าเดินทางคงไม่พอ แต่อาจจะต้องพกติดตัวไว้เลย ในกรณีที่อากาศเปลี่ยน อาจจะเป็นช่วงหน้าหนาว หน้าฝน หรือปีนเขา ขึ้นเขา จนร่างกายมีไข้ ก็ควรที่จะพกยาแก้ปวด แก้ไข้ ติดตัวไว้เลย เพื่อที่จะสามารถรับประทานยาได้ทุกเมื่อที่มีอาการ หรือแม้กระทั่งยาแก้แพ้ ทั้งแบบง่วง และไม่ง่วง อาจพิจารณาตามความเหมาะสม ก็ควรจะมีติดตัวไว้ เนื่องจากเราอาจมีอาการ แพ้อาหาร แพ้แมลง หรืออื่น ๆ ที่เราอาจไม่สามารถรู้ล่วงหน้าก็ได้ 3.ยาเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล หมวดนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่ามียาประจำ หรือยาเฉพาะที่ต้องรับประทานเป็นประจำแต่ต่อเนื่องอยู่เดิมแล้วหรือไม่ เช่น ยาสำหรับโรคประจำตัว โรคหอบหืด ยาสำหรับโรคเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน สาว ๆ บางท่านต้องรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดทุกวันเป็นต้น 4.ยา และอื่น ๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ยาดม ยาหม่อง ยาทาแก้ปวด ยาทาแก้เคล็ดขัดยอก โดยพิจารณาตามสถานที่ที่ไปท่องเที่ยว สิ่งจำเป็นสำหรับเมื่อเกิดบาดแผล เช่น พลาสเตอร์ปิดแผล ผ้าก็อตปิดแผล โพวิโดนไอโอดีน ใส่แผล และยาแก้เมารถเมาเรือ
ก่อนจัดกระเป๋าไปเที่ยว อย่าลืมเป็นห่วงสุขภาพตัวเองกันด้วยนะคะ หากระหว่างเที่ยวเกิดป่วย หรือไม่สบายขึ้นมา การเตรียมยาติดกระเป๋าไว้เบื้องต้น ถือว่าเป็นประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ อาการป่วยพื้นฐานที่ทุก ๆ คนอาจจะเป็นได้ตอนเที่ยว คงหนีไม่พ้น ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ท้องเสีย ผื่นแพ้ เมารถ เมาเรือ วันนี้จึงมาแนะนำยาเบื้องต้นที่ควรจะพกติดกระเป๋าเวลาไปเที่ยวให้ทุกคนได้เซฟกันเอาไว้ เป็นประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ 1.แก้ท้องเสีย การไปท่องเที่ยวต่างถิ่น หรือการรับประทานอาหารท้องถิ่นที่อาจจะไม่เคยกินมาก่อน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ โดยยาเบื้องต้นสำหรับอาการท้องเสียประกอบด้วย ยาถ่าน และผงเกลือแร่สำหรับท้องเสีย 2.แก้แพ้ แก้ปวด แก้ไข้ ยาแก้แพ้ แก้ปวด แก้ไข้นั้น การแค่พกติดกระเป๋าเดินทางคงไม่พอ แต่อาจจะต้องพกติดตัวไว้เลย ในกรณีที่อากาศเปลี่ยน อาจจะเป็นช่วงหน้าหนาว หน้าฝน หรือปีนเขา ขึ้นเขา จนร่างกายมีไข้ ก็ควรที่จะพกยาแก้ปวด แก้ไข้ ติดตัวไว้เลย เพื่อที่จะสามารถรับประทานยาได้ทุกเมื่อที่มีอาการ หรือแม้กระทั่งยาแก้แพ้ ทั้งแบบง่วง และไม่ง่วง อาจพิจารณาตามความเหมาะสม ก็ควรจะมีติดตัวไว้ เนื่องจากเราอาจมีอาการ แพ้อาหาร แพ้แมลง หรืออื่น ๆ ที่เราอาจไม่สามารถรู้ล่วงหน้าก็ได้ 3.ยาเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล หมวดนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่ามียาประจำ หรือยาเฉพาะที่ต้องรับประทานเป็นประจำแต่ต่อเนื่องอยู่เดิมแล้วหรือไม่ เช่น ยาสำหรับโรคประจำตัว โรคหอบหืด ยาสำหรับโรคเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน สาว ๆ บางท่านต้องรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดทุกวันเป็นต้น 4.ยา และอื่น ๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ยาดม ยาหม่อง ยาทาแก้ปวด ยาทาแก้เคล็ดขัดยอก โดยพิจารณาตามสถานที่ที่ไปท่องเที่ยว สิ่งจำเป็นสำหรับเมื่อเกิดบาดแผล เช่น พลาสเตอร์ปิดแผล ผ้าก็อตปิดแผล โพวิโดนไอโอดีน ใส่แผล และยาแก้เมารถเมาเรือ
เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจได้เห็นข้อความ หรือกระทู้แชร์ผ่านตากันมาบ้างไม่มากก็น้อยกับเรื่องบะหมี่ถ้วยกึ่งสำเร็จรูปเคลือบแวกซ์ ที่เมื่อกินเข้าไปอาจได้รับอันตราย ดังนั้นวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันว่าข้อความที่แชร์กันไปนั้น “จริงหรือหลอก” กันแน่ ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เราเห็นเป็นผิวมันข้างในถ้วย คือพลาสติกชนิดหนึ่งที่ทนความร้อน เพื่อทำให้ถ้วยคงรูปไว้ แผ่นที่อยู่ข้างในเป็นกระดาษที่เคลือบด้วยพอลิเอทิลีนที่เป็นเกรดอาหาร ไม่ใช่แวกซ์ สามารถใช้บรรจุอาหารได้ไม่มีอันตราย แล้วจำเป็นต้องต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้นหรือไม่ ตอบเลยว่าไม่ แล้วแต่จะสะดวกต้มหรือลวกน้ำใส่ก็ได้เช่นกัน ความปลอดภัยไม่ต่างกัน ต่างกันแค่ในแง่ของความอร่อยเท่านั้น ในส่วนของผงชูรสในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปล่ะเป็นสารพิษหรือไม่ ตามหลักแล้ว ผงชูรสจะไม่มีอยู่ในเส้น แต่จะอยู่ในเครื่องปรุง ซึ่งผงชูรสไม่ได้เป็นสารพิษแต่อย่างใด เพียงแต่หากกินในปริมาณมากไปอาจไม่ดีต่อสุขภาพ ได้ข้อสรุปกันไปแล้วสำหรับเรื่องนี้ สุดท้ายนี้ยังมีคำแนะนำในการรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาฝากกัน ควรรับประทานเป็นครั้งคราว เติมผักและโปรตีนให้ได้สารอาหารครบ 5 หมู่ พิจารณาปริมาณโซเดียมและไขมันที่ได้รับในแต่ละวันไม่ให้มากเกินไป โซเดียมไม่เกินวันละ 2,400 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งเท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา ไขมันทั้งหมดไม่เกินวันละ 65 กรัม/วัน
เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจได้เห็นข้อความ หรือกระทู้แชร์ผ่านตากันมาบ้างไม่มากก็น้อยกับเรื่องบะหมี่ถ้วยกึ่งสำเร็จรูปเคลือบแวกซ์ ที่เมื่อกินเข้าไปอาจได้รับอันตราย ดังนั้นวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันว่าข้อความที่แชร์กันไปนั้น “จริงหรือหลอก” กันแน่ ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เราเห็นเป็นผิวมันข้างในถ้วย คือพลาสติกชนิดหนึ่งที่ทนความร้อน เพื่อทำให้ถ้วยคงรูปไว้ แผ่นที่อยู่ข้างในเป็นกระดาษที่เคลือบด้วยพอลิเอทิลีนที่เป็นเกรดอาหาร ไม่ใช่แวกซ์ สามารถใช้บรรจุอาหารได้ไม่มีอันตราย แล้วจำเป็นต้องต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้นหรือไม่ ตอบเลยว่าไม่ แล้วแต่จะสะดวกต้มหรือลวกน้ำใส่ก็ได้เช่นกัน ความปลอดภัยไม่ต่างกัน ต่างกันแค่ในแง่ของความอร่อยเท่านั้น ในส่วนของผงชูรสในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปล่ะเป็นสารพิษหรือไม่ ตามหลักแล้ว ผงชูรสจะไม่มีอยู่ในเส้น แต่จะอยู่ในเครื่องปรุง ซึ่งผงชูรสไม่ได้เป็นสารพิษแต่อย่างใด เพียงแต่หากกินในปริมาณมากไปอาจไม่ดีต่อสุขภาพ ได้ข้อสรุปกันไปแล้วสำหรับเรื่องนี้ สุดท้ายนี้ยังมีคำแนะนำในการรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาฝากกัน ควรรับประทานเป็นครั้งคราว เติมผักและโปรตีนให้ได้สารอาหารครบ 5 หมู่ พิจารณาปริมาณโซเดียมและไขมันที่ได้รับในแต่ละวันไม่ให้มากเกินไป โซเดียมไม่เกินวันละ 2,400 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งเท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา ไขมันทั้งหมดไม่เกินวันละ 65 กรัม/วัน
‘ยาสามัญประจำบ้าน’ คือ ยาที่กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาเอาไว้ว่าเป็นยาที่เหมาะสม ที่สามารถให้ประชาชนหาซื้อมาใช้ได้เองตามร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ เพื่อใช้รักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น ยาเม็ดลดกรด อะลูมินา-แมกนีเซีย-ไซเมธิโคน ยาธาตุน้ำแดง ลดอาการท้องอืด ผงน้ำตาลเกลือแร่ แก้ท้องเสีย ผงถ่านรักษาอาการท้องเสีย ยาระบายมะขามแขก ยาถ่ายพยาธิลำไส้ มีเบนดาโซล ยาพาราเซตามอล ลดไข้ บรรเทาปวด ยาคลอร์เฟนิรามีน แก้แพ้ ลดน้ำมูก ยาแก้ไอน้ำดำ ยาดมแก้วิงเวียน ยาหม่อง ยาไดเมนไฮดริเนท แก้เมารถ ยาโพวิโดน-ไอโอดีน ใส่แผลสด น้ำเกลือล้างแผล คาลาไมน์โลชั่น ยาทาแก้ผดผื่นคัน นอกจากนี้ ยังควรมีอุปกรณ์สำหรับปฐมพยาบาลเบื้องต้น (ไม่ใช่ยาสามัญจำบ้าน) เช่น สำลี พลาสเตอร์ปิดแผล ผ้าก๊อซ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคควรเลือกซื้อจากร้านที่มีใบอนุญาตขายยา จัดยาโดยเภสัชกร หรือซื้อจาก “ร้านยาคุณภาพ” และควรสังเกตฉลากยาโดยต้องแสดงเลขทะเบียนตำรับยา เช่น Reg. No. 1A 12/35 (กรณียาแผนปัจจุบัน) และฉลากจะต้องมีคำว่า “ยาสามัญประจำบ้าน” อยู่ในกรอบสีเขียว ชื่อยา วิธีการใช้ยา คำเตือน วันเดือนปีที่ผลิตหรือวันเดือนปีหมดอายุ ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต รวมทั้งควรสังเกตภาชนะที่บรรจุยาต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย ยาที่บรรจุอยู่ในสภาพดี สมบูรณ์ ทั้งนี้ ควรเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและแสงแดด และควรเก็บแยกกันระหว่างยาใช้ภายในและยาใช้ภายนอก ข้อมูลอ้างอิง: ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาสามัญประจำบ้านแผนปัจจุบัน พ.ศ. 2542 ฉ.2 พ.ศ. 2549 ฉ.3 พ.ศ. 2550 ฉ.4 พ.ศ. 2555 และ ฉ.5 พ.ศ. 2555
‘ยาสามัญประจำบ้าน’ คือ ยาที่กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาเอาไว้ว่าเป็นยาที่เหมาะสม ที่สามารถให้ประชาชนหาซื้อมาใช้ได้เองตามร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ เพื่อใช้รักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น ยาเม็ดลดกรด อะลูมินา-แมกนีเซีย-ไซเมธิโคน ยาธาตุน้ำแดง ลดอาการท้องอืด ผงน้ำตาลเกลือแร่ แก้ท้องเสีย ผงถ่านรักษาอาการท้องเสีย ยาระบายมะขามแขก ยาถ่ายพยาธิลำไส้ มีเบนดาโซล ยาพาราเซตามอล ลดไข้ บรรเทาปวด ยาคลอร์เฟนิรามีน แก้แพ้ ลดน้ำมูก ยาแก้ไอน้ำดำ ยาดมแก้วิงเวียน ยาหม่อง ยาไดเมนไฮดริเนท แก้เมารถ ยาโพวิโดน-ไอโอดีน ใส่แผลสด น้ำเกลือล้างแผล คาลาไมน์โลชั่น ยาทาแก้ผดผื่นคัน นอกจากนี้ ยังควรมีอุปกรณ์สำหรับปฐมพยาบาลเบื้องต้น (ไม่ใช่ยาสามัญจำบ้าน) เช่น สำลี พลาสเตอร์ปิดแผล ผ้าก๊อซ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคควรเลือกซื้อจากร้านที่มีใบอนุญาตขายยา จัดยาโดยเภสัชกร หรือซื้อจาก “ร้านยาคุณภาพ” และควรสังเกตฉลากยาโดยต้องแสดงเลขทะเบียนตำรับยา เช่น Reg. No. 1A 12/35 (กรณียาแผนปัจจุบัน) และฉลากจะต้องมีคำว่า “ยาสามัญประจำบ้าน” อยู่ในกรอบสีเขียว ชื่อยา วิธีการใช้ยา คำเตือน วันเดือนปีที่ผลิตหรือวันเดือนปีหมดอายุ ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต รวมทั้งควรสังเกตภาชนะที่บรรจุยาต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย ยาที่บรรจุอยู่ในสภาพดี สมบูรณ์ ทั้งนี้ ควรเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและแสงแดด และควรเก็บแยกกันระหว่างยาใช้ภายในและยาใช้ภายนอก
~~ อย. บูรณาการ ลุยเข้ม ร่วมกับ บก.ปคบ. , สบส. และ สสจ.ชลบุรี ลงพื้นที่ จ.ชลบุรี บุกจับบุคคลที่แอบอ้างเป็นหมอ ชื่อ “หมอหนุ่ม อนุวัฒน์ ทับคง” หลังสืบพบว่าสั่งจ่ายยาแคปซูลแผนโบราณให้ผู้ป่วยชาวต่างชาติหลายราย รวมทั้งสาวชาวฮ่องกง จนทำให้เกิดแขนขาชา เนื่องจากตรวจพบสารหนูเกินมาตรฐานในปัสสาวะผู้ป่วย แจ้งดำเนินคดีโทษทางอาญาสูงสุดทั้งจำและปรับ เตือนผู้ป่วย อย่าได้หลงเชื่อผู้ที่แอบอ้างเป็นหมอ ที่โฆษณารักษาสารพัดโรคตามสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ขอให้ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะจากบุคคลตามสื่อ ตรวจสอบยาที่ได้รับว่ามีการขึ้นทะเบียนตำรับยาหรือไม่ เพื่อมิให้ได้รับยาที่ไม่ได้มาตรฐาน ย้ำ เมื่อเจ็บป่วย ขอให้ไปรักษา ณ สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง เพื่อมิให้ได้รับอันตรายจากการรักษาและการใช้ยา นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา , น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ , นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกับ ตำรวจ บก.ปคบ. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำทีมโดย พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , พ.ต.อ.ไพฑูรย์ คุ้มสระพรหม รอง ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จากกรณีพบหญิงสาวชาวฮ่องกง มีอาการป่วยแขนขาชา หลังจากกินยาแคปซูลสมุนไพรเพื่อรักษาอาการผื่นผิวหนังอักเสบที่ซื้อมาจากประเทศไทย แพทย์ตรวจพบปริมาณสารหนูในปัสสาวะสูงกว่ามาตรฐาน นั้น กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รู้สึกห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง และไม่อยากเห็นผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติตกเป็นเหยื่อผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย สอดคล้องกับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงมิให้กระทบกับภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขจึงสั่งการให้ อย. ร่วมกับ ตำรวจ บก.ปคบ. , กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สืบสวนแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ยาแคปซูลที่มีปัญหาและสถานที่ที่ผู้ป่วยไปรักษา จนพบว่ามีผู้แอบอ้างเป็นหมอสั่งจ่ายยาสมุนไพรให้ผู้ป่วย อยู่ที่จังหวัดชลบุรี ดังนั้น เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2558 เจ้าหน้าที่ อย. , ตำรวจ บก.ปคบ. , กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่ไปยังสถานที่เป้าหมายโดยนำหมายค้นเข้าตรวจสอบ บ้านเลขที่ 16 ม.6 ต.วัดหลวง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ผลการตรวจพบสถานที่ดังกล่าว เปิดเป็นร้านขายยาแผนโบราณ แต่มีการรับรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนัง โดยเฉพาะ โรคสะเก็ดเงิน หรือ เรื้อนกวาง มีการโฆษณารักษา โรคสะเก็ดเงินด้วยยาสมุนไพร โดยหมอหนุ่ม อนุวัฒน์ ทับคง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้านจังหวัดชลบุรี ขณะตรวจ พบนายอนุวัฒน์ ทับคง หรือหมอหนุ่ม กำลังรักษาผู้ป่วยและพบคนงานกำลังนำผงสมุนไพรสีน้ำตาล มีชื่อระบุว่า สะเก็ดเงินบรรจุใส่ปลอกแคปซูล ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สถานที่ดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตสถานพยาบาลและใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย อีกทั้งไม่มีใบอนุญาตผลิตยาแต่อย่างใด โดยผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึดครั้งนี้ อาทิ - ยาหม่อง บุญบาล์ม - ขี้ผึ้งรักษาโรคสะเก็ดเงิน - กระปุกยารักษาคนไข้ชนิดผง - ยาเม็ดบดอัดทำเอง - สมุนไพรฝุ่นหอมปราบเกลื้อน - น้ำมันไพร - ยาเม็ดแคปซูล นอกจากนี้ ยังพบกระปุกยารอการบรรจุทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางและส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมมูลค่าของกลางกว่า 2 แสนบาท ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ดังนี้ 1. ผลิตยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 5,000 บาท 2. ผลิตและขายยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4. ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า ขอเตือนประชาชน อย่าได้หลงเชื่อโฆษณา ขายยาแผนโบราณที่อวดสรรพคุณรักษาสารพัดโรค และขายผ่านทางเว็บไซต์ต่าง ๆ เพราะอาจได้รับยาที่มีส่วนผสม ของสารอันตราย กรณีที่ตรวจพบสารหนูในยาแผนโบราณที่จับได้นี้ จะทำให้เกิดอันตราย มีผลข้างเคียงสูง หากรับประทานในขนาดที่สูงมากอาจมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต อาการที่พบ เช่น อาการไข้ เบื่ออาหาร ตับโต หัวใจเต้นผิดปกติ และหากได้รับสารหนูบ่อยๆ จะเกิดการสะสม และอาจทำให้เป็นมะเร็งได้ในระยะยาว ส่วนปรอทที่ผสมในยาแผนโบราณ อาจจะทำให้เป็นพิษ โดยมีอาการปากเปื่อย เหงือกอักเสบ ฟันหลุด น้ำลายไหลมากผิดปกติ และ ไตวาย เป็นต้น ที่สำคัญไม่ควรไปรับการรักษากับสถานที่ซึ่งไม่ใช่สถานพยาบาล และผู้รักษาไม่ได้จบแพทย์โดยตรงเด็ดขาด ดังนั้น ควรเลือกซื้อยาจากร้านขายยาที่มีใบอนุญาตถูกต้อง หรือร้านยาคุณภาพ และควรตรวจสอบฉลากยา โดยฉลากต้องระบุชื่อยา เลขทะเบียนตำรับยา เช่น ทะเบียนยาเลขที่ G 888/50 ปริมาณของยาที่บรรจุ เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต วันเดือนปีที่ผลิตยา เป็นต้น ทั้งนี้ อย. จะดำเนินการตรวจสอบพร้อมเฝ้าระวังการลักลอบจำหน่ายยาและโฆษณาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจในการดำเนินงานเชิงรุกของ อย. ที่จะเฝ้าระวังความปลอดภัยของผู้บริโภคในการใช้ยา หากพบแหล่งขายยาใดคาดว่าจะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย พบยาต้องสงสัยและไม่ปลอดภัยในการใช้ หรือพบเห็นเว็บไซต์ที่มีการโฆษณารักษาและขายยาที่ผิดกฎหมาย ขอให้ร้องเรียนแจ้งมายัง สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Oryor Smart Application หรือ สายด่วน สบส. โทร. 02 1937999 หรือ สายด่วน ปคบ.1135 หรือแจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนั้น ๆ ที่พบการกระทำผิดดังกล่าว เพื่อ อย. จะได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามตรวจสอบจับกุมและลงโทษสถานหนักแก่ผู้กระทำผิดต่อไป
อย. จัดพิธีมอบรางวัล อย.ควอลิตี้ อวอร์ด ประจำปี 2557 อย่างยิ่งใหญ่ ให้แก่สถานประกอบการที่โดดเด่นด้านกระบวนการผลิตและจริยธรรมจากทั่วประเทศ รวม 40 ราย ทั้งอาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน และผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประกอบการที่ตั้งใจทำดี คำนึงถึงความปลอดภัยและประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ วันนี้ ( 17 มีนาคม 2557 ) ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม A-B โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้จัดพิธีมอบรางวัล อย.ควอลิตี้ อวอร์ด ประจำปี 2557 อย่างยิ่งใหญ่ให้แก่สถานประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ อาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน และผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน ที่ผ่านหลักเกณฑ์ คือ มีการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ได้คุณภาพ หากเป็นผู้ประกอบการผลิตเพื่อส่งออกต้องมีการจำหน่ายในประเทศด้วย โดยมีระยะเวลาประกอบการติดต่อกันอย่างน้อย 5 ปี มีการรักษาคุณภาพมาตรฐานด้วยดีมาโดยตลอด มีการนำเอาระบบคุณภาพมาพัฒนาหรือควบคุมการผลิตให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ท้องตลาดมีคุณภาพ ที่สำคัญไม่เคยถูกดำเนินคดี หรือถูกปรับ หรือถูกตักเตือน ตามกฎหมายของ อย. ย้อนหลังเป็นเวลา 2 ปี (นับถึงวันเปิดรับสมัคร) มีระบบในการตอบสนองต่อผู้บริโภค (Customer Relations) และประกอบการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม สถานประกอบการที่ได้รับรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ประจำปี 2557 ในประเภทต่าง ๆ จำนวน 40 ราย มีดังนี้ ด้านอาหาร จำนวน 10 ราย ได้แก่ 1) โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา 2) บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด 3) บริษัท เปอริเอ้ วิทเทล (ประเทศไทย) จำกัด 4) บริษัท ไมเนอร์ แดรี่ จำกัด 5) บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด 6) บริษัท สกายไลน์ เฮลท์แคร์ จำกัด 7) บริษัท สยามพรีเสิร์ฟฟู้ดส์ จำกัด 8)บริษัท เอบี ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด 9) บริษัท เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด 10) บริษัท เอฟแอนด์เอ็น ยูไนเต็ด จำกัด ด้านยา จำนวน 6 ราย ได้แก่ 1) บริษัท ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย จำกัด2) บริษัท ยูนีซัน จำกัด 3) บริษัท เยเนอรัล ฮอสปิตัล โปรดัคส์ จำกัด 4) บริษัท สยามเภสัช จำกัด 5) บริษัท สีลมการแพทย์ จำกัด 6) บริษัท เอ.เอ็น.บี. ลาบอราตอรี่ (อำนวยเภสัช) จำกัด ด้านเครื่องสำอาง จำนวน 5 ราย ได้แก่ 1) บริษัท การ์กัวร์ แล็บ จำกัด 2) บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด 3) บริษัท ปวีณ์มล จำกัด 4) บริษัท ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด 5) บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ด้านเครื่องมือแพทย์ จำนวน 4 รายได้แก่ 1) บริษัท เซอร์วิสเอ็นจิเนียริ่ง (1987) จำกัด 2) บริษัท สยามเซมเพอร์เมด จำกัด 3) บริษัท เอ็ม.อี.เมดิเทค จำกัด 4) บริษัท โอกาโมโต รับเบอร์ โปรดักส์ จำกัด ด้านวัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1) บริษัท ชาร์ฟ ฟอร์มูเลเตอร์ จำกัด 2) บริษัท โพสเฮลท์แคร์ จำกัด 3) บริษัท อิคาริ เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และสถานประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน จำนวน 12 รายได้แก่ 1) วิสาหกิจชุมชนชีววิถี ตำบลน้ำเกี๋ยน จังหวัดน่าน 2) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านหาดไก่ต้อย จังหวัดอุตรดิตถ์ 3) กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาขี้ฝอย จังหวัดอุทัยธานี 4) วิสาหกิจชุมชนกาญจนาสมุนไพรไทย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 5) วิสาหกิจชุมชนอาชีพผลไม้สดและผลผลิตการเกษตรแปรรูป บ้านดอนทอง จังหวัดนครปฐม 6) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปผลผลิตเกษตรตำบลชากโดน จังหวัดระยอง 7) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปถั่วลิสงบ้านป่านเทคโน หมู่ 17 ตำบลดงสิงห์ จังหวัดร้อยเอ็ด 8) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปผลไม้สมุนไพรรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย 9) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองบ่อ หมู่ 6 จังหวัดชัยภูมิ 10) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนยาหม่องน้ำมันงา จังหวัดอำนาจเจริญ 11) กลุ่มสตรีอาสาพัฒนาชุมชนบ้านทุ่ง จังหวัดกระบี่ 12) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหน้าควน จังหวัดสงขลา เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. ได้จัดให้มีพิธีมอบรางวัล “อย.ควอลิตี้ อวอร์ด” อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ทำดี ขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการทั้ง 40 ราย ขอให้รักษาความดี โดยคงคุณภาพมาตรฐาน คุณธรรม จริยธรรม สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจาก อย. เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นต่อไป
ด้วยการให้ความร่วมมือจากผู้บริโภคแจ้งเบาะแสให้ตรวจสอบยาหยอดตาของชมรมร่มเกล้า ที่มีการอวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถรักษาโรคตาได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคต้อ และยังจำหน่ายยาต่าง ๆ โดยโฆษณาว่าสามารถรักษาได้สารพัดโรค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงได้ประสานไปยังตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 101 / 105 โซน 1 ถ.ร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพ ฯ พบว่าเป็นสถานที่ผลิตยาหยอดตาและยาอื่น ๆ ที่ไม่ได้ขออนุญาตผลิตยาให้ถูกต้องตามกฎหมาย จากการตรวจสอบพบยาหยอดตาสมุนไพร ฉลากระบุข้อความ “ชมรมร่มเกล้า” ยาแผนโบราณ (ชนิดขวดพลาสติก) อ้างสรรพคุณว่า รักษาโรคตาทุกชนิด ไม่มีอาการข้างเคียง โดยส่งขายที่ร้านขายยาจีน ย่านเยาวราช มีทั้ง ยาผงบรรจุกระปุกพลาสติกที่อ้างว่ารักษาโรคริดสีดวงทวาร เดือยไก่ ตูดไก่ หงอนไก่ ทุกชนิด เป็นมาแล้ว 10 ปี หรือ 20 ปี ก็หายขาดได้, ยาดมพิมเสนน้ำที่อ้างว่า แก้ลมวิงเวียน หวัด คัดจมูก เมารถ เมาเรือ เคล็ดขัดยอก และยาหม่อง ฉลากระบุข้อความยาหม่องรุ่นพิเศษ อ้างสรรพคุณว่า ใช้รักษาแผลสด เน่าเปื่อย ฯลฯ ซึ่งยาที่ตรวจพบทั้งหมดเป็นยาที่ไม่ได้ขออนุญาตขึ้นทะเบียนตำรับยาจาก อย. โดยจำหน่ายในราคาขวดละ 60-80 บาท นอกจากนี้ ยังตรวจพบถังหมักยา อุปกรณ์ การผลิตและบรรจุ ภาชนะบรรจุที่ใช้ในการผลิตยา รวมของกลางที่ยึดได้ทั้งหมดกว่า 30,000 ขวด รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท นอกจากนี้ อย. และ บก.ปคบ. ได้ทลายแหล่งผลิต ขายยาสัตว์ และวัตถุอันตรายรายใหญ่ย่านลำลูกกา ที่บ้านเลขที่ 99 / 518 และ 99 / 508 หมู่บ้านเกษมทรัพย์ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นสถานที่ผลิตยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิต / ขายยาสัตว์ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน การผลิตยาและวัตถุอันตรายโดยวิธีบรรจุแล้วส่งขายไปยังร้านขายสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะตลาดนัดจตุจักร และยังมีการจัดส่งยาและวัตถุอันตรายให้กับลูกค้าทางไปรษณีย์ และยังพบการลงโฆษณาในหนังสือวารสารสำหรับสัตว์ด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบตัวยาสำคัญ ได้แก่ กลุ่มยาฆ่าเชื้อและยาฆ่าพยาธิ ซึ่งใช้รักษาโรคสัตว์ต่าง ๆ เช่น ท้องเสีย บิด ถ่ายพยาธิ เป็นต้น อาทิ ยาไอเวอร์เมคติน ยาซัลฟาเมทาโซน ยาเอ็นโรฟล๊อกซาซิน และยาปิเปอราซิน ซิเตรท กลุ่มยาฆ่าเชื้อทางผิวหนัง เช่น ยาโพวิโดน ไอโอดีน กลุ่มยาคุมสำหรับสัตว์ เช่น ยาเมทดรอกซีโปรเจสเตอโรน รวมทั้งพบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายกำจัดเห็บหมัด เช่น ดีทิค อี-ทิค และทิค ฟรี ที่เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตราย ซึ่งอาจจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือ 3 โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะต้องขึ้นทะเบียนและแจ้งการดำเนินการหรือขออนุญาต ทั้งนี้ ได้มีการยึดยาสัตว์และวัตถุอันตรายที่ผิดกฎหมาย ยึดสติ๊กเกอร์ ฉลากยาวัตถุอันตราย ขวด กล่องบรรจุผลิตภัณฑ์ แผ่นพับ ใบแทรกเอกสารกำกับยา ที่ยังไม่ได้ขออนุญาตการโฆษณาจาก อย. คิดเป็นมูลค่าของกลางประมาณ 5 ล้านบาท นอกจากนี้ ได้นำยาและวัตถุอันตรายส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อหาสารต้องห้าม และหาตัวยาสำคัญต่อไป สำหรับการดำเนินการตามกฎหมาย อย. ได้นำผู้ต้องหา (นายศุภชัย สินเจริญ) กระทำความผิดกรณีลักลอบผลิตยาหยอดตาสมุนไพรผิดกฎหมาย ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา 1. ผลิตและขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 5,000 บาท 2. ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. โฆษณาขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และกล่าวอ้างว่า สามารถบัด บรรเทา รักษาโรค ที่รัฐมนตรีห้ามตามประกาศ ฯ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนกรณีแหล่งผลิต ขายยาสัตว์ วัตถุอันตรายผิดกฎหมายรายใหญ่ ย่านลำลูกกา อย. ได้แจ้งข้อหา 1. ผลิตและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท 2. ผลิตหรือขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. กรณีครอบครองวัตถุอันตรายที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง หากเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ผู้จำหน่ายจะถูกระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และหากพบว่าเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค อย. ขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้ยาสมุนไพร ยาสำหรับสัตว์ และวัตถุอันตราย โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายจาก อย. อย่าได้หลงเชื่อโฆษณายาหยอดตา ไม่ว่าจะเป็นยาหยอดตาสมุนไพร ยาหยอดตาทั่วไป ที่มีการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงว่าสามารถรักษาโรคทางตาได้ทุกโรค หรือยาแผนโบราณต่าง ๆ ที่อวดอ้างรักษาสารพัดโรค เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายที่อาจคาดไม่ถึงแล้ว ผู้ป่วยยังอาจเสียโอกาสในการรักษาโรค เสียเงินเสียทองเปล่า ๆ อีกด้วย หากจำเป็นต้องใช้ยาใด ๆ รักษาโรคควรปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกร ก่อนใช้ยาทุกครั้ง และในกรณียาสำหรับสัตว์ควรใช้ภายใต้การควบคุมและกำกับดูแลของ สัตวแพทย์ชั้นหนึ่ง หรือต้องมีใบสั่งยาจากสัตวแพทย์ชั้นหนึ่งในกรณีที่คาดว่าจะเป็นอันตราย ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้ผ่านการขออนุญาตจาก อย. หรือ การโฆษณาหลอกลวงผู้บริโภค สามารถร้องเรียนแจ้งเบาะแสมายังสายด่วน อย. 1556 หรืออีเมล 1556@fda.moph.go.th หรือส่งจดหมายมาที่ ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ. นนทบุรี 11004 หรือ เดินทางมาร้องเรียนด้วยตัวเองพร้อมตัวอย่างผลิตภัณฑ์ได้ที่ ศูนย์เฝ้าระวังและรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ อย. อาคาร 1 ชั้น 1 ได้ทุกวัน ในเวลาราชการ