ค้นหาพบ 28 รายการ
ตรุษจีนปีนี้ อย. แนะทริค 3 ลด หวาน มัน เค็ม เลือกอาหารไหว้เสริมมงคลนำไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บรรพบุรุษ เพื่อส่งต่อสุขภาพไปยังบุตรหลานที่ต้องนำมารับประทานกันในครอบครัว อิ่มบุญได้สุขภาพ ลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDsเภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า วันสำคัญของคนไทยเชื้อสายจีนที่กำลังจะมาถึงคือเทศกาลวันตรุษจีน โดยทุกปีคนไทยเชื้อสายจีนมักจะเตรียมจับจ่ายซื้ออาหารสำหรับนำไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพบุรุษ เพื่อเสริมสิริมงคลต่อชีวิต ดังนั้น การเลือกซื้ออาหารในเทศกาลดังกล่าวจึงควรเลือกอาหารที่ดีเพื่อส่งต่อสุขภาพไปยังบุตรหลานที่นำมารับประทานกันในครอบครัวด้วย โดยอาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารคาว เช่น หมู เป็ด ไก่ เครื่องใน หรือ ขนม ประเภทขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู และผักผลไม้ อาหารเหล่านี้มักจะปรุงสุกเอาไว้ก่อนล่วงหน้าและมีรสชาติ หวาน มัน เค็ม ทั้งนี้หากไม่ระวังในการเลือกซื้ออาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและมีความเสี่ยงจากการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ห่วงใยต่อสุขภาพ ขอแนะนำผู้บริโภคในการเลือกซื้ออาหารและขนม โดยเฉพาะอาหารสดปรุงสำเร็จ ขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ วางจำหน่ายตามร้านอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีรสชาติหวาน มัน เค็ม ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แนะทริค 3 ลด คือ ลดหวาน ลดมัน ลดเค็ม เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดหวาน กรณีซื้ออาหารและขนมสำเร็จรูป เน้นลดปริมาณแป้ง และน้ำตาล เน้นผักผลไม้ที่ไม่มีรสหวาน ลดมัน เลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมัน รับประทานเนื้อสัตว์ไขมันน้อย ปรุงอาหารด้วยวิธีนึ่ง ต้ม และ ลดเค็ม ปรุงอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ ปรุงรส เค็มน้อย ลดการใส่ซอสและเกลือ จิ้มน้ำจิ้ม ซีอิ้ว ไม่มากช่วยลดปริมาณโซเดียม ทั้งนี้ กรณีเป็นอาหารสด ประเภทเนื้อสัตว์ (หมู เป็ด ไก่) ต้องมีสภาพสดใหม่ปกติ เนื้อแน่น มีสี กลิ่นสม่ำเสมอตามธรรมชาติ ไม่มีจ้ำเลือด ปราศจากกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ซึ่ง อย. ไม่อนุญาตให้ใช้สีในเนื้อสัตว์ทุกชนิด กรณีเป็นขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู ควรเลือกขนมที่สีไม่ฉูดฉาด มีสีกลิ่นรสปกติ บรรจุอยู่ในภาชนะบรรจุที่สะอาดและไม่มีสีออกมาปนเปื้อนกับอาหาร กรณีอาหารกระป๋องควรเลือกซื้อที่ลักษณะกระป๋องอยู่ในสภาพดี ไม่บุบ บวม หรือเป็นสนิม ฉลากแสดงรายละเอียด ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย. ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต หรือผู้นำเข้าและประเทศผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิ ส่วนประกอบที่สำคัญ วันเดือนและปีที่ผลิตและหมดอายุ กรณีเป็นผักและผลไม้ อาทิ ส้ม ควรเลือกซื้อที่สด สะอาด และควรล้างทำความสะอาดก่อนนำมาบริโภค ตรุษจีนปีนี้เลือกอาหารไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพบุรุษเสริมมงคล อิ่มบุญได้สุขภาพ ลดโรค ไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในที่สุด
ตรุษจีนนี้ไหว้เจ้าอุ่นใจ ห่างไกลโรคภัย ได้ด้วย 4 ทริค จาก อย.วันตรุษจีนเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จะต้องมีการจับจ่ายซื้อของไหว้สำหรับกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพบุรุษ การเลือกซื้ออย่างปลอดภัย มีทริคในการเลือกดังนี้1. อาหารสด สภาพสดใหม่ เนื้อแน่น มีสี กลิ่นตามธรรมชาติ ไม่มีจ้ำเลือด2. ขนมมงคล เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมปุยฝ้าย ที่มีสีไม่ฉูดฉาด มีสีกลิ่นรสปกติ บรรจุอยู่ในภาชนะที่สะอาด และไม่มีสีออกมาปนเปื้อนกับอาหาร3. อาหารกระป๋อง สภาพดี ไม่บุบ บวม หรือเป็นสนิม มีฉลากแสดงรายละเอียดมีเลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย.4. ผักและผลไม้ ที่สด สะอาด ควรล้างทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดก่อนนำมาบริโภค #อย #oryor #fdathai #FDAknowledge #ผลิตภัณฑ์สุขภาพ #ตรุษจีน #ไหว้เจ้า #การเลือกซื้ออย่างปลอดภัย #อาหารสด #ขนมมงคล #อาหารกระป๋อง #ผักและผลไม้
ตรุษจีนนี้ไหว้เจ้าอุ่นใจ ห่างไกลโรคภัย ได้ด้วย 4 ทริค จาก อย.วันตรุษจีนเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จะต้องมีการจับจ่ายซื้อของไหว้สำหรับกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพบุรุษ การเลือกซื้ออย่างปลอดภัย มีทริคในการเลือกดังนี้ 1. อาหารสด สภาพสดใหม่ เนื้อแน่น มีสี กลิ่นตามธรรมชาติ ไม่มีจ้ำเลือด2. ขนมมงคล เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมปุยฝ้าย ที่มีสีไม่ฉูดฉาด มีสีกลิ่นรสปกติ บรรจุอยู่ในภาชนะที่สะอาด และไม่มีสีออกมาปนเปื้อนกับอาหาร3. อาหารกระป๋อง สภาพดี ไม่บุบ บวม หรือเป็นสนิม มีฉลากแสดงรายละเอียดมีเลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย.4. ผักและผลไม้ ที่สด สะอาด ควรล้างทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดก่อนนำมาบริโภค
อย. เตือน! ระวังภัยขนมแปลกใหม่ขายใกล้โรงเรียนหรือทางออนไลน์ปัจจุบันมีขนมลักษณะแปลกใหม่ ทั้งรสชาติ กลิ่น สีและบรรจุในภาชนะที่ดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ วางจำหน่ายใกล้โรงเรียนหรือช่องทางออนไลน์ผู้ปกครองควรแนะนำบุตรหลานในการเลือกซื้อขนม• ต้องมีฉลากภาษาไทย• โดยตรวจสอบเครื่องหมาย อย.• ดูวันเดือนปีที่ผลิตหรือควรบริโภคก่อนหรือหมดอายุ• ให้อ่านฉลากก่อนตัดสินใจรับประทานเพื่อความปลอดภัย
รู้หรือไม่ว่า ผักที่วางขายตามท้องตลาดนั้นอาจจะมีสารเคมีตกค้างจากยาฆ่าแมลงได้ การล้างทำความสะอาดผักก่อนรับประทานหรือนำมาปรุงอาหารจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยป้องกันสารเคมีตกค้างหรือการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคได้ แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่า การล้างผักของเราที่ทำอยู่นั้น ถูกหรือไม่ สามารถลดสารเคมีที่ตกค้างอยู่ได้จริงหรือ ในบทความนี้จึงขอแนะนำ 3 วิธีการล้างผักง่าย ๆ ที่จะช่วยลดสารพิษตกค้างในผักและผลไม้ และลดการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคได้ ไปดูกันเลยวิธีที่ 1 ให้ล้างด้วยน้ำไหล โดยแช่ผักในน้ำนาน 15 นาที จากนั้นเปิดน้ำไหลผ่านและคลี่ใบผักถูไปมานาน 2 นาที ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับการล้างผักจำนวนน้อย สามารถลดสารตกค้างได้ 54-64%*วิธีที่ 2 แช่ผักในน้ำผสมน้ำส้มสายชู 5 เปอร์เซ็นต์ ในอัตราส่วนน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร แช่นาน 15 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด สามารถลดสารตกค้างได้ 29-38%*วิธีที่ 3 แช่ผักในน้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) ในอัตราส่วนโซเดียมไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) ครึ่งช้อนโต๊ะผสมน้ำ 10 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด สามารถลดสารตกค้างได้ 80-95%*(*ที่มา : งานโภชนาการ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล)อย่างไรก็ดีการล้างผักไม่สามารถกำจัดสารเคมีตกค้างได้หมด 100% ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อผักที่มีสีสันตามธรรมชาติ ไม่มีคราบขาวของสารเคมี หรือมีกลิ่นที่ผิดปกติ มีรอยกัดแทะของหนอนหรือแมลงอยู่บ้าง และเลือกรับประทานผักตามฤดูกาล เนื่องจากผักที่ปลูกได้ตามฤดูกาลจะมีโอกาสเจริญเติบโตได้ดีกว่านอกฤดูกาล ทำให้ลดโอกาสที่จะมีการใช้สารเคมีและปุ๋ยลง การเลือกซื้อน้ำส้มสายชูให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย. โดยสังเกตเลขสารบบอาหาร 13 หลัก ในกรอบเครื่องหมาย อย. หากสงสัยสามารถตรวจสอบเลข อย. ได้ทางเว็บไซต์ oryor.com หรือ Line @FDATHAI
อย. แนะ เคล็ด (ไม่) ลับ เลือกซื้ออาหารไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเทศกาลวันตรุษจีน ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน ขนมมงคล สำหรับไหว้เจ้า และควรล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน ลดความเสี่ยงจากสารกำจัดศัตรูพืชตกค้างนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ใกล้ถึงเทศกาล วันสำคัญของคนไทยเชื้อสายจีนกับเทศกาลวันตรุษจีน โดยทุกปีชาวจีนมักจะเตรียมจับจ่ายซื้ออาหารสำหรับไหว้เจ้า นำไปบริโภค หรือนำไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบรรพบุรุษ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารคาว เช่น หมู เป็ด ไก่ เครื่องใน หรือขนมประเภทขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู เป็นต้น อาหารเหล่านี้โดยส่วนมากมักจะปรุงสุกเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว หากไม่ระมัดระวังในการเลือกซื้อ อาจได้รับอาหารที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐานและเป็นอันตรายต่อการบริโภคได้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงขอแนะนำผู้บริโภคในการเลือกซื้อ อาหารในช่วงเทศกาลตรุษจีน ดังนี้ กรณีเป็นอาหารสด ประเภทเนื้อสัตว์ (หมู เป็ด ไก่) ต้องมีสภาพสดใหม่ปกติ เนื้อแน่น มีสี กลิ่นสม่ำเสมอตามธรรมชาติ ไม่มีจ้ำเลือด ปราศจากกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ซึ่ง อย. ไม่อนุญาตให้ใช้สีในเนื้อสัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะไก่ต้มที่นิยมนำไปเซ่นไหว้ กรณีเป็นขนมต่าง ๆ ที่จะนำมาเซ่นไหว้ อาทิ ขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู ควรเลือกขนมที่สีไม่ฉูดฉาด มีสีกลิ่นรสปกติ บรรจุอยู่ในภาชนะบรรจุที่สะอาดและไม่มีสีออกมาปนเปื้อนกับอาหาร กรณีเป็นอาหารกระป๋องควรเลือกซื้อที่ลักษณะกระป๋องอยู่ในสภาพดี ไม่บุบ บวม หรือเป็นสนิม ฉลากแสดงรายละเอียด ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย. ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต หรือผู้นำเข้าและประเทศผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิ ส่วนประกอบที่สำคัญ วันเดือนและปีที่ผลิตและหมดอายุ และ กรณีเป็นผักและผลไม้ อาทิ ส้ม ควรเลือกซื้อที่สด สะอาด และควรล้างทำความสะอาดก่อนนำมาบริโภค ซึ่งผู้บริโภคสามารถลดการตกค้างของสารกำจัดศัตรูพืชได้โดยการล้างด้วยผงฟู หรือเบคกิ้งโซดา ½ ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างน้ำ หรือล้างด้วยน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. ได้มีการตรวจสอบ เฝ้าระวัง เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ผักและผลไม้มาโดยตลอด โดยในปี 2567 ได้ลงพื้นที่สุ่มเก็บตัวอย่างตรวจสอบหายาฆ่าแมลงในผักและผลไม้ 30 ตัวอย่าง ไม่พบยาฆ่าแมลง 22 ตัวอย่าง และอยู่ระหว่างรอผลตรวจอีก 8 ตัวอย่าง ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค ขอให้ร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.บก.ปคบ., ว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และเภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีกวาดล้างเครือข่ายชาวเวียดนาม โฆษณาขายนมสรรพคุณสารพัดเกินจริง ตรวจยึดของกลาง 23 รายการ รวมกว่า 43,411 ชิ้น มูลค่ากว่า 40,000,000 บาทพฤติการณ์กล่าว คือ สืบเนื่องจากปัจจุบันค่านิยมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพเป็นที่ได้รับความสนใจของผู้บริโภค จึงทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดของผลิตภัณฑ์สุขภาพปลอม หรือผลิตภัณฑ์ด้อยคุณภาพในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค จึงมีมาตรการในการเฝ้าระวังการขายผลิตภัณฑ์สุขภาพในลักษณะเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาทิเช่น แก๊งนายทุนจีน และนายทุนเวียดนาม ฯลฯ โดยจะมีการแอบอ้างชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียง บุคลากรทางการแพทย์ ฯลฯ นำมาตัดต่อสร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สินค้า แล้วขายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐานให้แก่ประชาชน โดยเมื่อผู้บริโภคหลงเชื่อซื้อสินค้า ปรากฏว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง บางรายเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ และไม่สามารถขอคืนเงินได้ประกอบกับ กก.4 บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาว่า มีเว็บไซต์ที่มีการตัดต่อภาพ วิดีโอเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ และปรากฏมีการโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นวงกว้าง มีเนื้อหาที่มีการบรรยายสรรพคุณผลิตภัณฑ์อาหารอันเป็นเท็จ จำนวน 4 เว็บไซต์ ได้แก่ 1. https://www.ovisureth.site/2. https://www.ovisureofficial.com/ 3. https://www.youtube.com/channel/UC9d1lEKxZ1y2SKC18z2Kd6w 4. https://suachoxuongkhop.info/โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าวพบว่า เป็นเว็บไซต์ที่โฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นมผงยี่ห้อ Ovisure Gold โดยการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณนมที่เกินจริง เช่น ปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน เสริมสร้างสติปัญญา บรรเทาอาการปวดข้อปวดไหล่ อาการเหน็บชา ป้องกันความเสื่อมและโรคกระดูกพรุน ฟื้นฟูข้อต่อและเสริมสร้างกระดูกอ่อน ลดอาการปวดกระดูกและข้อให้หายภายใน 3 วัน ฯลฯ และกล่าวอ้างว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง จาก FDA สหรัฐอเมริกา และนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลิตภัณฑ์นมผง Ovisure Gold เคยปรากฏเป็นข่าวบนสื่อออนไลน์ว่ามีการนำคลิปวิดีโอ และภาพถ่ายบุคคลที่มีชื่อเสียงจากแหล่งต่าง ๆ มาตัดต่อและโฆษณาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ อีกทั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการโฆษณา คุณประโยชน์ คุณภาพของอาหาร โดยไม่ได้รับอนุญาตและแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือหลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร ซึ่งหากผู้ป่วยหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมารับประทาน เพื่อหวังผลในการบรรเทาอาการปวดข้อ ปวดไหล่ อาการเหน็บชา และโรคกระดูกพรุน จะเสียเงินเปล่า และเสียโอกาสในการรักษา ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. สืบสวนจนทราบถึงแหล่งจัดเก็บและกระจายผลิตภัณฑ์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้น และได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าทำการตรวจค้น สถานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเขตพื้นที่ จ.ชลบุรี จำนวน 2 จุด ดังนี้ 1. อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ม.6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหาร จำนวน 8 รายการ, ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 3 รายการ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 1 รายการ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวเวียดนาม จำนวน 2 ราย2. บ้านพักชั้นเดียว ม.1 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหาร จำนวน 8 รายการ, เครื่องมือแพทย์ จำนวน 1 รายการ, ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 1 รายการ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 1 รายการ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวเวียดนาม จำนวน 6 รายรวมตรวจค้น 2 จุด ตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหาร จำนวนกว่า 37,911 ชิ้น เป็นนมผงยี่ห้อต่าง ๆ 36,471 กระปุก, ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา จำนวน 4,120 ชิ้น, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 1,080 ชิ้น และเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดยี่ห้อ SINOCARE จำนวน 300 ชิ้น รวมของตรวจยึดทั้งหมด 43,411 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารที่ตรวจยึดเป็นนมผงยี่ห้อต่าง ๆ รวม 11 ยี่ห้อ ได้แก่ 1. OVISURE GOLD อ้างสรรพคุณว่า ลดอาการปวดข้อ ป้องกันโรคเข่าเสื่อม ต่อสู้กับโรคกระดูกพรุน เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 7 วัน2. Digo sure อ้างสรรพคุณว่า เหมาะสำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ บรรเทาอาการปวดข้อ ปวดไหล่ เหน็บชา ฟื้นฟูและเสริมสร้างกระดูกอ่อนและข้อต่อ3. Zextra Sure อ้างสรรพคุณว่า มีประโยชน์ในการรักษากระดูกสันหลังเสื่อม โรคข้อเสื่อม บรรเทาอาการอัมพาตครึ่งซีก4. Via Sure Canxi อ้างสรรพคุณว่า ลดอาการปวดข้อและกระดูก ฟื้นฟูและสร้างกระดูกอ่อนใหม่5. Hevisure gold อ้างสรรพคุณว่า ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เช่น ตาบอด ไตวาย ฯลฯ 6. GluOats อ้างสรรพคุณว่า ลดและรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ป้องกันหัวใจล้มเหลว ไตวาย ติดเชื้อในตับ7. Gluzextra Gold อ้างสรรพคุณว่า รักษาโรคเบาหวาน ควบคุมน้ำตาลในเลือด และลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคอันตรายต่าง ๆ8. HIUP COMPLETE อ้างสรรพคุณว่า เพิ่มความสูง 3 - 5 ซม. ภายใน 3 เดือน มีสรรพคุณสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป 10 เท่า9. Sica sure canxi wemee อ้างสรรพคุณว่า เพิ่มความสูง 3 - 5 ซม. ภายใน 3 เดือน มีสรรพคุณสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป 10 เท่า 10. Pro up อ้างสรรพคุณว่า เพิ่มภูมิต้านทาน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นอนหลับลึก เพิ่มน้ำหนัก 10 กก. ภายใน 1 เดือน11. Hevifood Body fit อ้างสรรพคุณว่า ลดน้ำหนัก 3 - 4 กก. ภายใน 2 สัปดาห์ โดยไม่ต้องอดอาหาร โดยขณะตรวจค้น พบชาวต่างชาติ สัญชาติเวียดนาม รวม 8 ราย กำลังแพ็คบรรจุผลิตภัณฑ์เพื่อรอจำหน่าย โดยเมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางพบมีเอกสารการเดินทางเข้าออกถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่มีใบอนุญาตการทำงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี ในข้อหา “1. ร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง, 2. ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, 3. ร่วมกันขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา, 4. ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต, 5. ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ, 6. ร่วมกันขายเครื่องมือแพทย์ที่มิได้รับใบจดแจ้ง, 7. ร่วมกันเป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 8. ร่วมกันเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า กลุ่มผู้กระทำผิดมีนายทุนชาวเวียดนาม ทำการการเปิดโฆษณาจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่จดทะเบียนอยู่ต่างประเทศ โดยลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์มาจากประเทศเวียดนาม และนำสินค้ามาเก็บไว้ตามอาคารให้เช่าต่าง ๆ เพื่อรอการจำหน่าย เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้า แอดมินเพจจะส่งข้อมูลการสั่งซื้อให้กลุ่มผู้ต้องหาชาวเวียดนามทำการบรรจุ และส่งให้กับลูกค้าในประเทศไทยจากการตรวจสอบสถานะทางด้านการเงินของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว พบว่า มีการเปิดบัญชีสำหรับรับโอนเงินค่าสินค้า ตั้งแต่ เดือนสิงหาคม 2566 - ปัจจุบัน รวมระยะเวลา 3 เดือน มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 175 ล้านบาทเบื้องต้นการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน1.พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 6 (10) ฐาน “จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง” ระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท2.พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท3. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 72 (4) ฐาน “ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา” จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ4. พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 - ฐาน “ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ - ฐาน “ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ5. พ.ร.บ. เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 ฐาน “ขายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้รับใบรับจดแจ้ง” ระวางโทษ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ6. พ.ร. บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ7. พ.ร.ก.การบริหารจัดการทำงานของบุคคลต่างด้าว พ.ศ. 2560 ฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 10,000 บาท 8. กรณีการนำเข้าข้อมูลเท็จและโฆษณาสินค้าดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ฐาน \"นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ\" ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ค้า ตรวจยึดผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายได้เป็นจำนวนมากผลิตภัณฑ์ที่ตรวจพบในครั้งนี้เป็นอาหารที่ลักลอบนำเข้า ไม่ขออนุญาตทั้งหมด โฆษณาโอ้อวดเกินจริง ซึ่ง อย. ได้ประชาสัมพันธ์ว่าเป็นข่าวปลอมเผยแพร่ทางเว็บไซต์ อย. และส่งข้อมูลรายงานให้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้ว จำนวน 4 รายการ ได้แก่ 1) “OVISURE GOLD” 2) “HEVISURE GOLD” 3) “HIUP COMPLETE” 4)Sica sure canxi wemee และพบผลิตภัณฑ์อื่นอีก 10 รายการ ได้แก่ 1) ZextraSure 2) Via Sure Canxi 3) GluOats 4) Gluzextra Gold 5) Digo sure6)Hevifood Body fit 7) Pro up 8) Boca Max 9) Gluhealth 10) Boca premier ที่โฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ ไม่มีหลักฐาน หรือผลการทดสอบประสิทธิภาพทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน จึงขอเตือนผู้บริโภคว่าไม่มีอาหารที่มีสรรพคุณรักษาโรคได้ ขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จ โฆษณาเกินจริง ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line@FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th, Line@FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าขอให้ระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ ควรซื้อสินค้าจากแหล่งจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ อย่าหลงซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อออนไลน์ที่โฆษณาหลอกลวงบรรยายสรรพคุณเกินจริง หรือซื้อเพราะราคาถูกเกินกว่าราคาทั่วไป เนื่องจากหลังจากที่ผู้บริโภคซื้อและได้ใช้สินค้า อาจไม่ได้มีสรรพคุณตามที่โฆษณาหลอกลวงไว้ หรือไม่ได้ผลการรักษาตามที่กล่าวอ้าง ทำให้ผู้บริโภคเสียเงิน และสูญเสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์ และขอเตือนไปยังผู้กระทำความผิดหลอกลวงคนอื่นด้วยวิธีการเอาความเจ็บป่วย หรือความเยาว์วัยมาหลอกลวงขายสินค้าให้กับผู้บริโภค หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา
อย. ร่วมส่งเสริมเทศกาลกินเจ งดเนื้อสัตว์ เสริมบุญบารมี แนะผู้บริโภคเลือกซื้ออาหารเจโดยดูข้อมูลบนฉลาก และผักผลไม้ในสภาพสดใหม่ ควรล้างให้สะอาดก่อนนำไปรับประทาน นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตระหนักถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารเจและผักผลไม้อย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลกินเจ กรณีเป็นอาหารเจสำเร็จรูป ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากแสดง ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต หรือชื่อและที่ตั้งผู้นําเข้าและประเทศผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิ ส่วนประกอบที่สําคัญ วันเดือนและปีที่ผลิต และวันเดือนและปีที่ควรบริโภคก่อน หรือหมดอายุ เป็นต้น สำหรับการเลือกซื้อผักต้องเลือก ผักที่สด ใหม่ สะอาด ไม่แข็งหรือกรอบจนเกินไป ไม่มีกลิ่นฉุนแสบจมูก เชื้อรา หรือสีผิดจากธรรมชาติ ไม่มีเศษดินหรือสิ่งสกปรกเกาะหรือคราบสีขาวของสารฆ่าแมลงตกค้างอยู่ นอกจากนี้ ควรเลือกผักที่ใบมีรูจากการเจาะของแมลง ส่วนการเลือกซื้อผลไม้นั้น ต้องดูที่ผิวสด ใหม่ ขั้วหรือก้านยังเขียวและแข็ง เปลือกไม่ช้ำหรือดำ ที่สำคัญควรล้างให้สะอาด โดยใช้ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือใช้น้ำส้มสายชูหรือเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือเด็ดผักเป็นใบ ล้างด้วยน้ำไหลผ่าน ใช้มือถูเบา ๆ เพื่อลดสารพิษตกค้างจากยาฆ่าแมลง ก่อนนำไปรับประทานหรือปรุงอาหารเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า อย. ได้มีมาตรการเฝ้าระวังสุ่มเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารเจ ณ สถานที่จำหน่าย เช่น ตลาด หรือห้างสรรพสินค้า เพื่อตรวจวิเคราะห์ดีเอ็นเอจำเพาะของเนื้อสัตว์อย่างต่อเนื่อง โดยได้ตรวจวิเคราะห์อาหารเจ จำนวน 94 ตัวอย่าง พบยีนจำเพาะของไก่ 1 ตัวอย่าง นอกจากนี้ ยังเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในผักและผลไม้สด โดยผลการตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างในผักและผลไม้สด จำนวน 2,022 ตัวอย่าง พบสารพิษตกค้าง 100 ตัวอย่าง ทั้งนี้ ผู้กระทำผิดกรณีตรวจพบ DNA จากสัตว์ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 - 100,000 บาท กรณีตรวจพบสารพิษตกค้างเกินปริมาณที่กำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับหากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายสามารถร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. โทร.1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือ ตู้ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
น้ำตาลเทียม คือกลุ่มของสารให้ความหวานเพื่อทดแทนน้ำตาล มีรสชาติหวานคล้ายน้ำตาลแต่มีพลังงานต่ำหรืออาจไม่ให้พลังงานเลยขึ้นอยู่กับแต่ละชนิด จึงได้ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นทางเลือกให้คนที่รักษาสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุมแคลอรี น้ำตาลเทียมนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งสารให้ความหวานแทนน้ำตาลในกลุ่มนี้ที่เราควรรู้จัก ได้แก่ 1. แอสพาร์เทม (Aspartame) เป็นสารให้ความหวาน ที่อนุญาตให้ใช้ในอาหาร เช่น ครีมเทียม หมากฝรั่ง ซีเรียล ขนมหวาน เครื่องดื่ม และผลไม้แห้ง เป็นต้น ใน 1 วัน ไม่ควรรับประทานเกิน 40-50 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ข้อดี ไม่ทำให้เกิดภาวะฟันผุ และไม่กระตุ้นน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้น เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน ข้อเสีย เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเมื่อเจอความร้อนสูงทำให้เกิดรสขมและความหวานลดลง ไม่ควรใช้ปรุงอาหารขณะร้อนข้อควรระวัง ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะฟีนิลคีโตนยูเรีย (phenylketonuria) ดังนั้นให้สังเกตฉลากที่แสดงข้อความว่า“มีphenylalanine” และแสดงคำเตือน “ห้ามใช้ในผู้ที่มีภาวะฟีนิลคีโตนยูเรีย” 2. แซ็กคาริน (Saccharin) หรือขัณฑสกร เป็นสารให้ความหวาน ที่อนุญาตให้ใช้ในอาหาร เช่น เครื่องดื่มหรือผลิตภัณฑ์ที่มีนมเป็นส่วนผสม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แต่งกลิ่นรส ผลไม้ดอง ไอศกรีม ขนมหวาน และหมากฝรั่ง เป็นต้น ใน 1 วัน ไม่ควรรับประทานเกิน 5 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมข้อดี ทนต่อความร้อนสูงได้ข้อเสีย การได้รับแซ็กคารินในปริมาณสูงอาจทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินท้องเสีย ปวดท้อง มีอาการง่วงซึม และอาจชักได้ ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้แซ็กคารินข้อควรระวัง ระวังการใช้ในสตรีมีครรภ์ 3. แอซีซัลเฟม โพแทสเซียม (Acesulfame potassium) เป็นสารให้ความหวาน ที่อนุญาตให้ใช้ในอาหาร เช่น อาหารประเภทของอบ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ของหวานที่แช่แข็งหรือแช่ตู้เย็น ซอสรสหวานต่างๆ และน้ำตาลโรยหน้าขนม เป็นต้น ใน 1 วัน ไม่ควรรับประทานเกิน 15 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมข้อดี ไม่เกิดการสะสมในร่างกาย ถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วและกำจัดออกมาในรูปเดิม สามารถใช้ได้ในสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และผู้ป่วย phenylketonuria 4. ซูคราโลส (Sucralose) มีความหวานใกล้เคียงกับน้ำตาลธรรมชาติ อนุญาตให้ใช้ในอาหาร เช่น ไอศกรีม ขนมขบเคี้ยว ซอส ลูกกวาด แยม และอาหารกระป๋อง เป็นต้น ใน 1 วัน ไม่ควรรับประทานเกิน 15 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมข้อดี คงตัวดี ทนต่อความร้อนสูง ไม่ดูดความชื้น ละลายน้ำได้ดี ไม่มีรสขมติดลิ้น ใช้ปรุงอาหารและขนมทุกชนิดที่ต้องใช้ความร้อนสูงและไม่สูญเสียความหวาน ข้อเสีย อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ในบางคน5. นีโอเทม (Neotame) ใน 1 วัน ไม่ควรรับประทานเกิน 2 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพราะให้ความหวานมากกว่าสารตัวอื่น ๆ โดยให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 800-1300 เท่า ข้อดี ใช้กับอาหารและเครื่องดื่มได้ทุกประเภทสารทดแทนความหวานข้างต้น สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย หากบริโภคไม่เกินปริมาณที่กำหนด ซึ่งน้ำตาลเทียมไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ต้องบริโภคประจำ แต่เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้เราสามารถควบคุมปริมาณน้ำตาลด้วยการอ่านข้อมูลบนฉลากโภชนาการเวลาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารตามร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตได้ โดยสังเกตปริมาณของน้ำตาล ซึ่งไม่ควรสูงเกิน 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค แต่ในบางบรรจุภัณฑ์อาจระบุข้อความอื่น เช่น “Sugar Free” คือ ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำตาล หรือมีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่า 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค หรือมีรสหวานจากสารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน (0 แคลอรี) หรือ “Non-nutritive sweetener” คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารให้ความหวานที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ หรือน้ำตาลเทียมนั่นเองข้อมูลอ้างอิง http://lib3.dss.go.th/fulltext/dss_j/2559_64_202_p27-28.pdfhttps://www.scimath.org/lesson-chemistry/item/10320-2019-05-13-05-58-02วิธีอ่านข้อมูลโภชนาการ สำหรับผู้หลีกเลี่ยงน้ำตาลทราย(ควรอ่าน) (liveandfit.com).https://www.scimath.org/article-chemistry/item/9838-2019-02-22-01-23-21https://www.fda.moph.go.th/sites/food/FoodAdditives/P381.pdf
ปัจจุบันมะเร็งเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตของคนไทย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และสร้างความกังวลใจให้ใครหลายคนไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นโรคมะเร็งก็สามารถรักษาให้หายได้หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดควบคู่กับการทำความเข้าใจและดูแลตัวเอง ดังนี้ 1. ดูแลโภชนาการให้ดี เมื่อได้รับการฉายแสงหรือทำเคมีบำบัดผู้ป่วยมะเร็งมักเจอปัญหาน้ำหนักลดเนื่องจากการรับรสชาติเปลี่ยนไป อิ่มเร็ว กลืนลำบาก คลื่นไส้ จึงควรกินอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นอาหารที่ให้พลังงานและมีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ เป็นต้น แต่ถ้ายังไม่สามารถกินอาหารได้อีก จนน้ำหนักยังลด ผู้ป่วยมีทางเลือกในการใช้อาหารที่เสริมคุณค่าทางโภชนาการสำหรับกลุ่มผู้ป่วยเฉพาะโรค หรือเรียกว่า "อาหารทางการแพทย์" อาหารทางการแพทย์ หมายถึง อาหารที่ใช้สำหรับผู้ป่วยเฉพาะโรค หรือผู้ที่มีสภาพผิดปกติทางร่างกาย ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน สามารถใช้เป็นอาหารมื้อหลักหรือเสริมร่วมกับอาหารมื้อปกติได้ โดยใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ หรือนักกำหนดอาหาร ซึ่งสามารถเลือกหาได้จากร้านขายยาทั่วไป ในโรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนม เป็นแหล่งสำคัญของแคลเซียมและโปรตีน ซึ่งจำเป็นต่อการมีสุขภาพที่ดี สำหรับผู้ป่วยมะเร็งควรเลือกดื่มนมวัวไขมันต่ำ การเลือกซื้ออาหารทางการแพทย์และนมให้ปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ต้องมีข้อมูลบนฉลากครบถ้วน เช่น ชื่ออาหาร ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้า ปริมาณสุทธิ ส่วนประกอบที่สำคัญ วันเดือนปีที่ผลิต และวันเดือนปีที่ควรบริโภคก่อนหรือหมดอายุแล้วแต่กรณี ภาชนะบรรจุต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย มีเลขสารบบอาหาร 13 หลักในกรอบเครื่องหมาย อย. ที่สำคัญซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้ ผลิตภัณฑ์มีการเก็บเพื่อจำหน่ายอย่างเหมาะสม สำหรับฉลากอาหารทางการแพทย์ต้องพบข้อความ “อาหารทางการแพทย์” และ “ใช้ตามคำแนะนำของแพทย์” 2. ดูแลสุขภาพในช่องปาก หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด อาหารที่มีลักษณะแห้งแข็งจะทำให้เจ็บเวลาเคี้ยว ควรรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน โดยแปรงฟันอย่างถูกวิธี ใช้แปรงที่มีขนอ่อนนุ่ม และบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือหลังแปรงฟัน หลังอาหารทุกมื้อและก่อนนอน การเลือกใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก มีข้อแนะนำดังนี้ - ยาสีฟัน : ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์รสไม่เผ็ด เลือกให้เหมาะกับปัญหาช่องปาก โดยสังเกตส่วนประกอบสำคัญที่ระบุบนฉลาก - น้ำยาบ้วนปาก : เลือกที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อเยื่อบุช่องปากและอาจทำให้แสบช่องปาก นอกจากนี้ต้องระวังส่วนผสมที่เป็นกรดที่อาจทำให้ผิวฟันกร่อน เคลือบฟันบางลง และอาจเกิดอาการเสียวฟันตามมาได้ ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากจัดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ควรซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ บรรจุภัณฑ์ปิดสนิทเรียบร้อย และมีเลขที่ใบรับจดแจ้งบนฉลากผลิตภัณฑ์ 3. ป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน ด้วยการหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่แออัด เช่น ตลาด โรงหนัง หากจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัย ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนี้หมั่นดื่มน้ำสะอาดพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายตามความเหมาะสม เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์สมุนไพร บางผลิตภัณฑ์อาจประกอบด้วยสารสกัดหรือวิตามินหลายอย่าง รวมทั้งมีการกล่าวอ้างว่ารักษาโรคมะเร็ง แต่ยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการเพียงพอว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถรักษามะเร็ง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์สมุนไพรบางชนิดไม่ทราบผลข้างเคียงที่ชัดเจน อาจส่งผลกับยาแผนปัจจุบันที่แพทย์ใช้รักษา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นเพียงอาหารไม่ใช่ยารักษาโรค จึงไม่ควรใช้ในการรักษามะเร็ง หากจะใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์สมุนไพรจำเป็นต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้ป่วยควรกินอาหารตามปกติให้หลากหลายและมีสารอาหารที่ครบถ้วนมากกว่า เพราะอาหารที่ได้จากธรรมชาติเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุที่ดีที่สุด ข้อมูลอ้างอิง : http://food.fda.moph.go.th/law/data/announ_fda/61_advertise.PDF https://oryor.com/media/checkSureShare/media_specify/608 https://oryor.com/media/newsUpdate/media_news/2290 http://www.rno.moph.go.th/launhosp/index.php?name=knowledge&file=readknowledge&id=6 https://oryor.com/media/newsUpdate/media_news/2200 https://oryor.com/media/newsUpdate/media_news/2282
อย. ร่วมส่งเสริมเทศกาลตรุษจีน แนะ 4 วิธีการเลือกซื้ออาหารไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบรรพบุรุษ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน หรือขนมมงคล ผักและผลไม้ เพื่อให้ได้อาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ โดยควรเลือกซื้ออาหารที่ปรุงสดใหม่ ไม่มีกลิ่น สี หรือรสชาติผิดปกติ และเลือกซื้อจากสถานที่ผลิตและจำหนายที่น่าเชื่อถือ นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า เทศกาลตรุษจีน ถือเป็นประเพณีที่สำคัญที่สุดของชาวจีน ซึ่งคนไทยเชื้อสายจีนมักมีการจับจ่ายซื้ออาหารสำหรับกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบรรพบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นหมู เป็ด ไก่ เครื่องใน ขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู เป็นต้น อาหารเหล่านี้ล้วนมีการปรุงสุกไว้ล่วงหน้า ทำให้เสี่ยงต่อการเน่าเสียได้ง่าย หรืออาจมีการใส่สีหรือวัตถุกันเสียเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากไม่ระมัดระวังในการเลือกซื้อ อาจได้รับอันตรายจากอาหารที่ไม่มีคุณภาพและไม่ปลอดภัยในการบริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงขอแนะ 4 วิธีการเลือกซื้ออาหารในช่วงเทศกาลตรุษจีน ดังนี้ 1. อาหารสด เช่น เนื้อสัตว์ (หมู เป็ด ไก่) ต้องมีสภาพสดใหม่ เนื้อแน่น มีสี กลิ่นตามธรรมชาติ ไม่มีจ้ำเลือด 2. ขนมมงคล เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมปุยฝ้าย ควรเลือกที่มีสีไม่ฉูดฉาด มีสีกลิ่นรสปกติ บรรจุอยู่ในภาชนะที่สะอาด และไม่มีสีออกมาปนเปื้อนกับอาหาร 3. อาหารกระป๋อง ควรเลือกซื้อที่ลักษณะกระป๋องอยู่ในสภาพดี ไม่บุบ บวม หรือเป็นสนิม ฉลากแสดงรายละเอียด ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย. ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต หรือผู้นำเข้าและประเทศผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิ ส่วนประกอบที่สำคัญ วันเดือนและปีที่ผลิตและหมดอายุ เป็นต้น 4. ผักและผลไม้ ควรเลือกซื้อที่สด สะอาด และควรล้างทำความสะอาดก่อนนำมาบริโภค ซึ่งผู้บริโภคสามารถลดการตกค้างของสารกำจัดศัตรูพืชได้โดยการล้างด้วยผงฟู หรือเบคกิ้งโซดา ½ ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด หรือล้างด้วยน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด หรือเพื่อความมั่นใจผู้บริโภคสามารถซื้อชุดทดสอบสารตกค้างสารเคมีกำจัดแมลงในผักและผลไม้ด้วยตนเอง ซึ่งสามารถตรวจสารตกค้างสารเคมีจำกัดแมลงในผักและผลไม้ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลา 45 นาที รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ขอย้ำเตือนผู้ประกอบการ อย่าเอาเปรียบผู้บริโภค นำผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่มีคุณภาพมาจำหน่าย หาก อย. ตรวจพบจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับผู้บริโภค หากพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค ขอให้ร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือ Oryor Smart Application หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
อย. ร่วมส่งเสริมเทศกาลตรุษจีน แนะวิธีการเลือกซื้ออาหารไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบรรพบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นทั้งอาหารคาว อาหารหวาน หรือขนม ผักและผลไม้เพื่อให้ได้อาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ โดยควรเลือกซื้ออาหารที่ปรุงสดใหม่ ไม่มีกลิ่น สี หรือรสชาติผิดปกติ และเลือกซื้อจากสถานที่ผลิตและจำหนายที่น่าเชื่อถือ นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า เทศกาลตรุษจีน เป็นประเพณีที่คนไทยเชื้อสายจีนมักมีการจับจ่ายซื้ออาหารสำหรับไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบรรพบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นเป็ด ไก่ หมู เครื่องใน ขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู เป็นต้น อาหารเหล่านี้ล้วนมีการปรุงสุกไว้ล่วงหน้า ทำให้เสี่ยงต่อการเน่าเสียได้ง่าย หรืออาจมีการใส่สีหรือวัตถุกันเสียเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากไม่ระมัดระวังในการเลือกซื้ออาจได้รับอันตรายจากอาหารที่ไม่มีคุณภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงขอแนะวิธีการเลือกซื้ออาหารในช่วงเทศกาลตรุษจีน ดังนี้ - อาหารสด เช่น เนื้อสัตว์ ต้องมีสภาพสดใหม่ เนื้อแน่น มีสี กลิ่นตามธรรมชาติ ไม่มีจ้ำเลือด - ขนมมงคล เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมปุยฝ้าย ควรเลือกที่มีสีไม่ฉูดฉาด มีสีกลิ่นรสปกติ บรรจุอยู่ในภาชนะที่สะอาดและไม่มีสีออกมาปนเปื้อนกับอาหาร - อาหารกระป๋อง ควรเลือกซื้อที่ลักษณะกระป๋องอยู่ในสภาพดี ไม่บุบ บวม หรือเป็นสนิม ฉลากแสดงรายละเอียด ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย. ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต หรือผู้นำเข้าและประเทศผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิ ส่วนประกอบที่สำคัญ วันเดือนและปีที่ผลิตและหมดอายุ เป็นต้น - ผักและผลไม้ ควรเลือกซื้อที่สด สะอาด และล้างทำความสะอาดก่อนนำมาบริโภค ซึ่งผู้บริโภคสามารถลดการตกค้างของสารกำจัดศัตรูพืชได้โดยการล้างด้วยผงฟู หรือเบกกิ้งโซดา ½ ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร แช่ไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด หรือล้างด้วยน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ขอย้ำเตือนผู้ประกอบการ อย่าเอาเปรียบผู้บริโภค นำผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่มีคุณภาพมาจำหน่าย หาก อย. ตรวจพบจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับผู้บริโภค หากพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค ขอให้ร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือ Oryor Smart Application หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
โซเดียมไนไตรท์ (NaNO2) จัดเป็นสารกันเสียอย่างหนึ่ง โดยปกติแล้วสารกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นส่วนประกอบหลักในอาหาร แต่จะเติมลงไปในอาหาร เพื่อยืดอายุเก็บรักษาอาหาร ป้องกันอาหารบูดเน่า นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เนื้อสัตว์เกิดสีแดงอมชมพู สารในกลุ่มนี้จึงได้รับความนิยมเติมลงไปในเนื้อสัตว์แปรรูป ไม่ว่าจะเป็น ไส้กรอก แฮม เบคอน กุนเชียง เนื้อเค็ม ปลาช่อนแห้ง เป็นต้น กระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้ผสมในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ได้ในไม่เกินปริมาณที่กำหนด คือ ไนไตรท์ ไม่เกิน 80 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม และปริมาณที่ร่างกายบริโภคได้ต่อวัน ไนไตรท์ ร่างกาย รับได้ไม่เกิน 0.07 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน หากร่างกายได้รับปริมาณสารเหล่านี้มากเกินไปจะทำให้มีอาการ ปวดหัว อ่อนเพลีย คลื่นไส้ และอาเจียน ถ้าได้รับจำนวนมากจะเกิดอาการปวดท้อง กล้ามเนื้อไม่มีแรง และร่างกายขาดออกซิเจนได้ ดังนั้นการในการเลือกซื้ออาหารแต่ละครั้ง แนะนำให้ 1. เลือกซื้อเนื้อสัตว์ที่มีสีธรรมชาติ ไม่แดงจนเกินไป 2. ควรกินอาหารให้หลากหลาย ไม่กินอาหารชนิดเดิมซ้ำ ๆ 3. อ่านฉลาก เพื่อดู วัน เดือน ปี ที่ผลิต วันหมดอายุ ปริมาณ และชนิดของสารกันเสียที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งหากกินในปริมาณที่เหมาะสม และไม่กินในปริมาณมากในครั้งเดียว จะไม่เกิดอันตรายต่อร่างกาย
อย. ร่วมส่งเสริมเทศกาลกินเจ งดเนื้อสัตว์ เสริมบุญบารมี แนะผู้บริโภคเลือกซื้ออาหารเจโดยดูข้อมูลบนฉลาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” ลดหวาน มัน เค็ม เพื่อที่จะสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเจที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมกับสุขภาพ นพ. พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า อย.ตระหนักถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารเจ ดังนั้นในวันนี้ (30 กันยายน 2562) อย. จึงได้ลงพื้นที่รณรงค์ให้ความรู้ในการเลือกซื้ออาหารเจและผักผลไม้อย่างปลอดภัยแก่ผู้บริโภคที่มาจับจ่ายซื้อหาอาหารเจที่ ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขา เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ทั้งนี้ กรณีเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเจสำเร็จรูป ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากแสดงชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต หรือ ชื่อและที่ตั้งผู้นําเข้าและประเทศผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิ ส่วนประกอบที่สําคัญ วันเดือนและปีที่ผลิต และวันเดือนและปีที่ควรบริโภคก่อน หรือหมดอายุ เป็นต้น อย. ได้ร่วมกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าผลิตภัณฑ์อาหารนั้นได้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาแล้วว่ามีปริมาณน้ำตาล ไขมัน และเกลือ (โซเดียม) ที่เหมาะสม ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันมีการพิจารณาอนุญาตใน 11 กลุ่มอาหาร เช่น อาหารมื้อหลัก เครื่องดื่ม เครื่องปรุงรส (ซอส ซีอิ๊ว น้ำปลา) ผลิตภัณฑ์นม อาหารกึ่งสำเร็จรูป (ข้าวต้ม โจ๊กที่ปรุงแต่ง และแกงจืด ชุปชนิดเข้มข้น ชนิดผงหรือชนิดแห้ง) ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น โดยมีผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้รับการรับรองสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพแล้ว 1,377 ผลิตภัณฑ์ และในจำนวนนี้มีผลิตภัณฑ์เป็นสูตรเจ หลายรายการ เช่น น้ำนมถั่วเหลือง น้ำข้าวกล้องงอก น้ำผลไม้ ซีอิ๊ว ซึ่งผู้บริโภคสามารถเลือกผลิตภัณฑ์สูตรเจ ที่มีปริมาณน้ำตาล ไขมัน และเกลือที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง นอกจากนี้ อย. ได้เก็บตัวอย่างอาหารประเภทผักและผลไม้ที่ประชาชนนิยมบริโภคในช่วงเทศกาลกินเจ ได้แก่ กะหล่ำปลี คะน้า ผักบุ้ง เห็ดนางฟ้า ผักกวางตุ้ง แครอท ฝรั่ง กล้วย และส้ม จากท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ เพื่อตรวจวิเคราะห์หาสารฆ่าแมลงด้วยชุดทดสอบเบื้องต้น (GT Test Kit) จำนวน 43 ตัวอย่าง ผลการตรวจพบว่า ผ่านมาตรฐานทุกตัวอย่าง รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ ไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค ขอให้ร้องเรียนมาได้ที่สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือร้องเรียนผ่าน Oryor Smart Application/ Line: FDAthai หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อ อย. จะดําเนินคดีตามกฎหมายกับ ผู้ที่กระทําผิดต่อไป
จากกรณีนักร้องดังเกิดการแพ้รุนแรงหลังกินอาหารทะเล อย. พร้อม สสจ.ชลบุรี นำหน่วยเคลื่อนที่ด้านความปลอดภัยอาหาร ลงพื้นที่ตรวจสอบเร่งด่วน หากพบปริมาณฟอร์มาลินเกินกำหนด จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตามที่มีข่าวนักร้องดังเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงภายหลังกินอาหารทะเลที่ขายอยู่บริเวณริมชายหาด ซึ่งมีข้อสงสัยว่าอาจแพ้สารเคมีในอาหาร เช่น สารฟอร์มาลิน หรือสารที่ใช้ในการถนอมอาหารนั้น จากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี และหน่วยเคลื่อนที่ด้านความปลอดภัยอาหาร เขตบริการสุขภาพที่ 6 โดยลงพื้นที่เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่วางจำหน่ายในพื้นที่ตามที่เป็นข่าวตรวจสอบด้วยชุดทดสอบเบื้องต้น และส่งตรวจวิเคราะห์หาปริมาณสารฟอร์มาลินในห้องปฏิบัติการ ซึ่งตามกฎหมายฟอร์มาลินจัดเป็นวัตถุที่ห้ามใช้ในอาหาร อย่างไรก็ตาม ฟอร์มาลินสามารถเกิดในสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติอยู่แล้วในปริมาณหนึ่ง ซึ่งเทคนิคการตรวจวิเคราะห์ในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุความแตกต่างระหว่างฟอร์มาลินที่เกิดตามธรรมชาติ และที่ตั้งใจเติมลงไปในอาหารเพื่อหวังผลในด้านการเก็บรักษาได้ ดังนั้น หากพบการเติมฟอร์มาลินลงไปในอาหาร และผลการตรวจวิเคราะห์พบฟอร์มาลินในปริมาณที่สูงจนอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค จะเข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งต้องถูกสั่งงดผลิตหรืองดจำหน่าย และประกาศผลการตรวจพิสูจน์ให้ประชาชนทราบด้วย ทั้งนี้ อย. โดยหน่วยเคลื่อนที่ด้านความปลอดภัยอาหารได้มีการตรวจสอบเฝ้าระวังการปนเปื้อนสารฟอร์มาลินในอาหารตามแหล่งจำหน่ายอาหารสดทั่วประเทศ ทั้งตลาดสด ตลาดนัด งานเทศกาลต่าง ๆ เป็นประจำทุกปี โดยสุ่มเก็บตัวอย่างอาหารที่เสี่ยงปนเปื้อน เช่น ปลาหมึกกรอบ สไบนาง แมงกะพรุน ปลาหมึก และเล็บมือนาง เพื่อทำการตรวจสอบโดยชุดทดสอบเบื้องต้น ผลการเฝ้าระวัง พบว่าส่วนใหญ่ผ่านมาตรฐาน แต่ยังพบปัญหาการปนเปื้อนฟอร์มาลินในอาหารบางชนิด ซึ่ง อย. ได้ทำหนังสือสรุปผลการตรวจวิเคราะห์แจ้งทุกพื้นที่ เพื่อแจ้งผู้ประกอบการและเจ้าของตลาดทราบและดำเนินการแก้ไข รวมทั้งวางแผนการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหารที่มีความเสี่ยงตกมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงอันตรายของสารปนเปื้อนในอาหาร และให้ความรู้ในการเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยมาจำหน่าย ขณะเดียวกันก็ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภครู้จักสังเกตและสามารถเลือกซื้อเลือกบริโภคอาหารที่มีความปลอดภัยด้วย เลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ฟอร์มาลิน เป็นสารมีพิษ ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเคมีภัณฑ์ พลาสติกสิ่งทอ และใช้เป็นยาฆ่าเชื้อโรคและเชื้อรา กรณีนี้ผู้ประกอบการนำมาใช้ในทางที่ผิด เพื่อให้อาหารสด คงความสดอยู่ได้นาน ไม่เน่าเสียง่าย แต่การกินอาหารที่ปนเปื้อนฟอร์มาลินในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ อย่างรุนแรง ปวดท้อง ปากและคอจะแห้ง หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก อาจมีการถ่ายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด มีอาการเพลีย เหงื่อออก ตัวเย็น คอแข็ง สำหรับผู้บริโภคในการเลือกซื้ออาหารทะเลสามารถใช้วิธีการดมกลิ่น ถ้าอาหารนั้นมีกลิ่นฉุนแสบจมูก ให้สงสัยว่ามีฟอร์มาลินอยู่ และก่อนการทำอาหารควรล้างให้สะอาด เพราะฟอร์มาลินส่วนมากจะถูกชะล้างออกไปหมดเนื่องจากมีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี และควรปรุงอาหารให้สุกก่อนบริโภค หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑสุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับความปลอดภัย ขอให้ร้องเรียนมาได้ที่สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือ E-mail: 1556@fda.moph.go.th หรือ ตูปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือร้องเรียนผ่าน Oryor Smart Application หรือ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อ อย. จะดําเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่กระทําผิดต่อไป